หลังจากส่งมอบประสบการณ์ความสุขครั้งสำคัญ ด้วยบริการ Disney+ Hotstar ซึ่งเป็นสตรีมมิ่งชั้นนำที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง พร้อมเปิดตัวแพ็กเกจสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อลูกค้าเอไอเอสโดยเฉพาะไปเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุดเอไอเอสสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญอีกครั้งให้กับวงการกีฬา ด้วยการคว้าสิทธิ์ถ่ายทอดมหกรรมกีฬาระดับโลก “โอลิมปิก โตเกียว 2020” ในฐานะ Official Broadcaster อย่างเป็นทางการรายแรกและรายเดียวของโอเปอเรเตอร์ในประเทศไทย
ย้อนกลับไปเมื่อโอลิมปิค 2020 (2563) ทางเอไอเอสมีความพร้อมในการที่จะเข้าไปซื้อสิทธิ์ถ่ายทอดสดเพื่อส่งมอบความสุขให้พี่น้องชาวไทยได้เชียร์กีฬากันแบบติดขอบจอ แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่สถานการณ์โควิด 19 ยังแพร่ระบาดอย่างหนัก จึงต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปอีก 1 ปี ทำให้การเปิดตัวเป็น Official Broadcaster ที่ได้รับสิทธิ์การถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬา “โอลิมปิก โตเกียว 2020” แบบถูกลิขสิทธิ์ของเอไอเอสในครั้งนี้ จึงเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นและความเป็นผู้นำด้าน Digital Life Service Provider ที่มีความพร้อมทั้งในด้านเทคโนโลยีและโครงข่าย อันดับ 1 ในบ้านเราอย่างแท้จริง
สำหรับ “โอลิมปิก โตเกียว 2020” มีปรากฏการณ์ครั้งสำคัญและเชื่อว่าจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันโอลิมปิคไปอีกนานแสนนาน เพราะใน “โอลิมปิก โตเกียว 2020” จะเป็นการจัดงานภายใต้เงื่อนไขที่รัดกุมในทุก ๆ ด้าน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ยังไม่มีแนวโน้มจะลดลงในเร็ววัน ทำให้การแข่งขันในครั้งนี้จะไม่มีผู้ชมในสนาม ฉะนั้นการที่เอไอเอสได้สิทธิ์ถ่ายทอดสด จึงเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของประเทศ ในการนำคอนเทนต์กีฬาระดับโลกมาให้คนไทยได้รับชมอย่างครบถ้วน ครบทุกแมตช์ ครบทุกชนิดกีฬา โดยสามารถรับชมแบบถ่ายทอดสดเกาะติดขอบจอไปพร้อมกัน ๆ รวมถึงดูแบบรีรันในภายหลังได้อีกด้วย
ส่วนในด้านความพร้อมของการถ่ายทอดสด ทางเอไอเอส ได้มีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อให้คนไทยได้ร่วมเชียร์นักกีฬาไทยอย่างจุใจ โดยไม่พลาดทุกแมตช์สำคัญ เริ่มตั้งแต่เครือข่ายไร้สาย 5G, 4G และไฟเบอร์บรอดแบนด์, ระบบการถ่ายทอดที่รองรับความละเอียดระดับ Full HD, การจัดช่องทางชมสดบน AIS PLAY ถึง 16 ช่อง โดยช่องที่ 1-3 ได้มีการจับมือกับกูรูและนักพากย์ชื่อดังจัดรายการไฮไลท์ เพื่อสร้างสีสันให้กับรายการแข่งขันนั้น ๆ เนื่องจากมีหลายประเภทกีฬาที่เรามีโอกาสคว้าเหรียญรางวัล อาทิ มวยสากล, เทควันโด, แบดมินตัน, และกอล์ฟ เป็นต้น อีกทั้งยังเปิดให้รับชมแบบรีรันย้อนหลังสำหรับคนที่พลาดชมการถ่ายทอดสดอีกด้วย ส่วนช่อง 4-16 จะเป็น Original Sound ที่ส่งตรงจากสนามแข่งขัน เสมือนไปนั่งดูที่ขอบสนามจริง ๆ
มาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนคงมีคำถาม ต้องเป็นลูกค้าเอไอเท่านั้นจึงจะสามารถรับชมได้ ใช่หรือไม่? ต้องบอกเลยว่า เอไอเอสพร้อมส่งมอบความสุขให้พี่น้องชาวไทยทุกคน ได้รับชมและร่วมเชียร์พร้อมส่งแรงใจไปให้ทัพนักกีฬาของไทยได้ฟรี ๆ ไม่ว่าคุณจะใช้เครือข่ายไหนก็ตาม สามารถรับชมการถ่ายทอดสด กีฬาที่มีนักกีฬาของไทยลงแข่งขัน รวมถึงกีฬาที่เป็นไฮไลท์หลัก ๆ ผ่านทาง AIS Play (ช่อง 1-3) ได้ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบนมือถือและเว็บไซต์ พร้อมคอนเทนท์พิเศษสำหรับลูกค้า AIS ที่แอปพลิเคชันบนมือถือ, กล่อง AIS PLAYBOX, SAMSUNG Smart TV, Apple TV และเว็บไซต์ aisplay.ais.co.th นอกเหนือจากนี้ยังได้ร่วมมือกับ Media Partner ชั้นนำของเมืองไทย ในการเปิดให้คนไทยได้รับชมผ่านทางเว็บไซต์ของสื่อพันธมิตร อาทิ มติชน, ข่าวสด, ผู้จัดการ, SIAM Sport และ PPTV HD อีกด้วย
บทสรุป
ในปัจจุบัน คอนเทนต์ประเภทกีฬายังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ด้วยความที่เป็นคอนเทนต์เข้าถึงผู้คนได้ทุกเพศ ทุกวัย และถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับนักกีฬาหน้าใหม่ รวมถึงผลักดันให้กับวงการกีฬาทุกประเภทได้ตระหนักถึงความสำคัญในการฝึกซ้อมและพัฒนานักกีฬาให้มีศักยภาพเพื่อสามารถแข่งขันในระดับสากลได้ดียิ่งขึ้น
การที่เอไอเอสได้สิทธิ์ถ่ายทอดสด “โอลิมปิก โตเกียว 2020” พร้อมเปิดให้รับชมการถ่ายทอดสดและย้อนหลังการแข่งขัน รวมถึงร่วมเชียร์นักกีฬาไทยทุกรายการแข่งขัน ได้ฟรี ทุกเครือข่าย จึงเป็นเสมือนของขวัญอันยิ่งใหญ่ ที่ช่วยปลอบประโลมใจในช่วงสถานการณ์อันยากลำบากของพี่น้องชาวไทย จากวิกฤติโควิด 19 ที่ต้องกลับมา Work from Home และ Learn from Home กันอีกรอบนั่นเอง และด้วยศักยภาพรวมถึงความพร้อมทั้งในด้านเทคโนโลยีและโครงข่ายอันแข็งแกร่ง เชื่อว่าเอไอเอสจะสามารถทำหน้าที่ถ่ายทอดทุกภาพความทรงจำจากการแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์สู่สายตาคนไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน
ทั้งนี้เอไอเอสพร้อมร่วมเป็นสื่อกลาง ชวนคนไทย ร่วมเชียร์ทัพนักกีฬาไทย คว้าเหรียญในโตเกียวเกมส์ 2020 ยิงสดครบทุกแมชต์ ที่เดียวที่ AIS PLAY ทุกช่องทางทั้ง แอป AIS PLAY, เว็บไซต์ aisplay.ais.co.th, กล่องทีวี AIS PLAYBOX, สมาร์ททีวี, Apple TV
ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. – 8 ส.ค. 64
ดูตารางการแข่งขันได้ที่ www.ais.th/olympics