รีวิว Amazfit Neo สมาร์ตวอทช์ ดีไซน์ “เรโทร ย้อนยุค” ฟีเจอร์ครบครัน แบตอึดใช้งานได้ยาวนาน 28 วัน !!!

หากคุณเกิดทันในยุค 90s เชื่อว่าจะคุ้นเคยการเปลี่ยนผ่านนาฬิกายุคอนาล็อกแบบเข็ม มาสู่ยุคดิจิตอลที่มีหน้าปัดเป็นตัวเลขกันอย่างแน่นอน ซึ่งในยุคนั้นนาฬิกา Casio หน้าปัดเหลี่ยมแสดงผลแบบดิจิตอลฮิตหนักมาก ๆ สามารถครองใจเด็ก วัยรุ่น วันทำงาน เป็นเวลาหลายทศวรรษเลยทีเดียว

วันนี้เราสามารถสัมผัสกับวันวานยังหวานอยู่ ผ่านทางสมาร์ตวอทช์ Amazfit Neo รุ่นใหม่จากค่าย  Huami ที่มาพร้อมดีไซน์สุดคลาสสิค ให้ความเป็น “เรโทร ย้อนยุค” ผสานกับกับความสปอร์ตโมเดิร์นของสมาร์ตวอทช์ในปัจจุบันได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์อันโดดเด่น ทั้งแบตเตอรี่สุดอึด สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 28 วัน รองรับการกันน้ำในระดับ 5ATM , ฟีเจอร์ Always-on display ที่แสดงผลตลอดเวลา ซึ่งให้ฟิลลิ่งเหมือนนาฬิกาจริง ๆ และยังโดดเด่นด้วยเซนเซอร์ PPG BioTracker™ สามารถติดตามอัตราการเต้นของหัวใจได้ตลอดเวลา 24/7  ส่วนความน่าสนใจอื่น ๆ ขอเชิญติดตามอ่านรีวิวไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ 

แกะกล่อง

ตัวกล่องมาในโทนสีขาวสะอาดตา ด้านหน้าโชว์รูปตัว Amazfit Neo พร้อมกำกับฟีเจอร์เด่นที่เป็นจุดขายไว้ที่ด้านหน้าและด้านข้างกล่อง ซึ่งประกอบไปด้วย  huami-Pai, SomnusCare, Heart Rate Monitorring, Sleep Monitorring, Always-on Display, 28-day Battery Life, 5ATM Water Resistant 

อุปกรณ์ภายในกล่อง

• สมาร์ตวอทช์ Amazfit Neo 1 เรือน
• สายชาร์จ
• คู่มือการใช้งานฉบับย่อ

ตัวชาร์จเป็นแบบ Pogo pin แบบ 2 dot พร้อมเขี้ยวล็อคเพื่อยึดติดกับตัวนาฬิกา

ตัวชาร์จไม่ได้เป็นแบบแม่เหล็ก แต่ด้วยความที่มีเขี้ยวล็อคก็ช่วยให้ยึดจับกับตัว Amazfit Neo ได้แน่นหนาดีมาก ๆ และยังช่วยให้ชาร์จเป็นไปอย่างราบลื่นอีกด้วย

Amazfit Neo มีความโดดเด่นด้วยดีไซน์ย้อนยุคแนว Retro โดยให้กลิ่นอายของนาฬิกา Casio ในยุค 90s พร้อมผสานกับความสปอร์ตโมเดิร์นของสมาร์ตวอทช์ในปัจจุบันได้อย่างลงตัว สำหรับตัวเรือนเป็นโพลีคาร์บอเนตที่เลือกใช้วัสดุเกรดคุณภาพดี งานประกอบในภาพรวมเรียบร้อยแข็งแรงน่าประทับใจ และยังรองรับการกันน้ำในระดับ 5ATM หรืออยู่ในน้ำลึกได้ในระดับ 50 เมตจร สามารถส่วมใส่อาบน้ำ ว่ายน้ำ ได้โดยไม่มีปัญหา

เนื่องจากไม่ได้เป็นจอสัมผัส ตัว Amazfit Neo จึงออกแบบให้มีปุ่มกดถึง 4 ปุ่ม เพื่อให้สามารถเข้าถึงการใช้งานหรือเมนูต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกคล่องตัว 

สำหรับตัวสายของ Amazfit Neo จะเป็นแบบ PUR ขนาด 20 มม. + 12+8.6 ซม. ออกแบบให้สวมใส่ได้ทั้งคนที่มีข้อมือเล็กและใหญ่ โดยจากที่ได้ลองใช้งานจริง ตัวสายนั้นให้การสวมใส่ที่เบาสบาย ไม่กัดหรือระคายข้อมือแต่อย่างใด 

หน้าจอแสดงผลขาวดำแบบ STN ความคมชัดสูง ขนาด 1.2″ แสดงข้อมูลเวลาและจำนวนก้าว หน้าจอประหยัดพลังงาน อ่านง่ายและชัดเจน แม้ในที่แสงจ้า และยังมาพร้อมฟีเจอร์ Always-on display ที่แสดงผลตลอดเวลา ซึ่งให้ฟิลลิ่งเหมือนนาฬิกาจริง ๆ นั่นเอง

แม้จะเป็นสมาร์ตวอทช์ที่เปิดตัวด้วยราคาเบา ๆ แต่ในด้านเซนเซอร์ และฟีเจอร์ในการออกกำลังกายนั้นจัดมาให้แบบไม่มีกั๊ก เรียกว่ากระทบไหล่สมาร์ตวอทช์ระดับกลาง ๆ เลยทีเดียว สำหรับเซนเซอร์ที่มีให้ใช้งานบน  Amazfit Neo ประกอบด้วย accelerator sensor, BioTracker™ PPG bio-tracking optical heart rate sensor

เปรียบเทียบกับ Amazfit รุ่นแรก จะเห็นว่า Amazfit Neo ให้ฟิลลิ่งที่ดูเรโทร มีความเป็นนาฬิกาที่คนในยุค 90s นั้นคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี 

Amazfit Neo มีน้ำหนักเพียง 32 กรัม จึงให้การสวมใส่ที่กระชับเบาสบาย  และด้วยสายที่ยาว 12+8.6 ซม.  จึงสวมใส่ได้ทั้งข้อมือเด็กและผู้ใหญ่ 

การใช้งานในภาพรวม

ในด้านการเชื่อมต่อ มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อ Amazfit Neo ผ่านแอป  Zepp  ซึ่งรองรับทั้งบน iOS และ Android โดยในการเชื่อมต่อครั้งแรกให้ทำการล็อคอิน หรือลงทะเบียนเพื่อเข้าใช้งาน Zepp  จากนั้นเชื่อมต่อตามขั้นตอนที่แอปแนะนำได้เลย

หลังจากเชื่อมต่อ Amazfit Neo กับสมาร์ตโฟนเป็นที่เรียบร้อย เราสามารถตั้งค่าเพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ Amazfit Neo ซึ่งฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานนั้นอัดแน่นมาก ๆ สามารถตั้งค่าการใช้งานได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะะเป็นด้านการแจ้งเตือน การตั้งค่าด้านการออกกำลังกาย ฯลฯ 

ในด้านออกกำลังกาย Amazfit Neo ถือว่าตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายได้ดีเกินคาด โดยมาพร้อมฟีเจอร์ด้านออกกำลังกายที่แสดงผลได้อย่างละเอียด โดดเด่นด้วยเซนเซอร์ PPG BioTracker™ สามารถติดตามอัตราการเต้นของหัวใจได้ตลอดเวลา 24/7  และระบบประเมินภาวะสุขภาพส่วนบุคคล (PAI™ Health Assessment System) นอกจากนี้ยังมีโหมด sleep tracker ที่สามารถติดตามการนอนและเข้าใจรูปแบบการนอนของตัวเองได้ดีขึ้น เรียกว่าตอบโจทย์การออกกำลังได้ดีไม่แพ้สมาร์ตวอทช์ระดับกลาง ๆ เลยทีเดียว

สรุป Amazfit Neo

เป็นสมาร์ทวอทช์ที่มีดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ให้ความเป็น เรโทร ย้อนยุค ผสานเข้ากับความสปอร์ตและให้ฟิลลิ่งที่ดูเป็นนาฬิกาข้อมือ ที่แตกต่างจากสมาร์ตวอทช์ทั่ว ๆ ไปอย่างเห็นได้ชัด

ในด้านการใช้งานนั้นมีความเรียบง่าย เพียงเชื่อมต่อกับแอป Zepp ก็พร้อมใช้งานได้ทันที โดยสามารถตั้งค่าต่าง ๆ ผ่านตัวแอปได้อย่างยืดหยุ่น และยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่อัดแน่น ทั้งแบตเตอรี่ที่สามารใช้งานได้ยาวนานถึง 28 วัน การวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพและติดตามกิจกรรมการออกกำลังกาย มีโหมดแจ้งเตือนและโหมดออกกำลังกายที่มีความละเอียด ผ่านตัวเซ็นเซอร์ที่ให้ความแม่นยำ  พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายและมองหาสมาร์ตวอทช์ที่มีความโดดเด่นด้านดีไซน์ มาพร้อมแบตสุดอึดในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ๆ  อีกด้วย 

Amazfit Neo วางจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 1,190 บาท มีสามสีให้เลือกใช้งาน ได้แก่ ดำ เขียว และแดง  สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ Shopee ประกอบด้วย

ร้าน Amazfit Official Store: https://shopee.co.th/product/77539211/4353163623/
ร้าน THMall: https://shopee.co.th/product/111580283/3553254099/
ร้าน Techmate: https://shopee.co.th/product/171003898/6053156974/
ร้าน Pando Selection: https://shopee.co.th/product/59614772/3653815204/
ร้าน Pando Smartlife: https://shopee.co.th/product/84531751/6953717470/