รีวิว Disney+ Hotstar บริการสตรีมมิ่ง คอนเทนต์ระดับโลก พร้อมโปรโมชั่น Exclusive บนเครือข่าย AIS 5G ที่ดีที่สุด !!!

โดย J.wasan
0 ความเห็น 17.4K views

สิ้นสุดการรอคอย สำหรับ Disney+ Hotstar  บริการสตรีมมิ่งน้องใหม่ล่าสุด ที่ได้จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับเอไอเอส ผู้ให้บริการเครือข่ายอันดับหนึ่งของไทย พร้อมส่งแพ็กเกจสุดคุ้มในราคาเริ่มต้นเพียง 49 บาทต่อเดือน สามารถรับชมคอนเทนต์ระดับ world class ที่ตอบโจทย์ในช่วง  Work from Home และเรียนออนไลน์อยู่ในขณะนี้ได้อย่างลงตัว สำหรับแพ็กเกจและวิธีใช้งาน Disney+ Hotstar  จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง มารับชมรีวิวไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ 

 

ลูกค้า AIS ที่สมัครสมาชิก Disney+ Hotstar  ในช่วง Early Bird ตั้งแต่วันที่ 8 – 27 มิถุนายนนี้ สามารถรับชมได้ในราคาพิเศษ เพียงเดือนละ 35 บาท (จากราคาปกติเดือนละ 99 บาท)  ส่วนคนที่สมัครไม่ทันก็ไม่เป็นไร เพราะเอไอเอสเปิดโปรใหม่ให้สมัครในราคายังจับต้องได้ง่ายเหมือนเช่นเคย เพียงเดือนละ 49 บาทเท่านั้น 

แพ็กเกจ Disney+ Hotstar ราคาพิเศษ รายเดือนเพียง 49 บาท (ปกติ 99 บาท) พร้อมรับสิทธิ์ชมฟรี 1 เดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (รับสิทธิ์รอบเดือนที่ 2 )

แพ็กเกจรายปี 499 บาท (ปกติ 799 บาท) 

ต้องบอกเลยว่าถูกมาก ๆ แต่ยังไงก็ต้องรีบสมัครกันนะครับ เพราะราคาพิเศษนี้จะมีเวลาที่จำกัด โดยเริ่มต้นตั้งวันที่ 30 มิถุนายน 64 – 31 กรกฎาคม 64 เท่านั้น 

  • สมัครแพ็กเกจรายเดือนกด *111 โทรออก
  • แพ็กเกจรายปีกด *112 โทรออก

หรือสมัครแพ็กเกจที่เว็บไซต์ AIS  >>>  แพ็กเกจ Disney+ Hotstar

 

อุปกรณ์ที่รองรับ Disney+ Hotstar

สำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ Disney+ Hotstar ที่นอกจากดีไวซ์เบสิคอย่างสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตแล้ว เรายังสามารถรับชมผ่านทาง คอมพิวเตอร์, กล่องแอนดรอยด์ ทีวี, อุปกรณ์ Chromecast รวมถึงเว็บเบราเซอร์ที่มีให้ใช้งานบนดีไวซ์ต่าง ๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

สมาร์ตโฟน – แท็บเล็ต 

ระบบปฏิบัติการ Android  เวอร์ชั่น 4.4.4 ขึ้นไป
ระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชั่น 10 ขึ้นไป
iPad เวอร์ชั่น 10 ขึ้นไป

เว็บเบราว์เซอร์

Google Chrome เวอร์ชัน 75.x
Mozilla Firefox เวอร์ชัน 70.x
Microsoft Edge เวอร์ชัน 79.x ขึ้นไป
Safari  เวอร์ชัน 11.x ขึ้นไป

กล่องทีวี หรือ อุปกรณ์ในห้องนั่งเล่น

Android TVs พร้อม TV OS 7.0 ขึ้นไป
Apple tvOS 11 ขึ้น (Gen 4 ขึ้นไป)
Chromecast (Gen 2 ขึ้นไป และตัว firmware เวอร์ชั่น 1.43 ขึ้นไป )

 

วิธีใช้งาน Disney+ Hotstar 

หลังจากสมัครแพ็กเกจเรียบร้อย ก็มาถึงวิธีใช้งาน Disney+ Hotstar  กันแล้วครับ โดยเบื้องต้นเราจะใช้งานบนสมาร์ตโฟน  ซึ่งตามที่เกริ่นไป Disney+ Hotstar นั้นรองรับได้หลากหลายอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการ สำหรับคนที่ใช้งาน iOS สามารถดาวน์โหลดแอป Disney+ Hotstar ได้ที่ Apple Store หรือคลิ๊กที่นี่ >>>  Disney+ Hotstar

ระบบปฏิบัติการ Android ดาวน์โหลด Disney+ Hotstar ได้ที่ Play Store หรือคลิ๊กที่นี่ >>>  Disney+ Hotstar

หลังจากสมัครแพ็กเกจและดาวน์โหลดติดตั้งแอปเรียบร้อยแล้ว ในการเข้าใช้งานครั้งแรกให้ทำการล็อคอินเข้าสู่ระบบ โดยคลิ๊กที่แถบ 3 ขีดตรงมุมซ้ายบนของหน้าจอแสดงผล 

คลิ๊กที่เมนู “เข้าสู่ระบบ” พร้อมกรอกหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้ทำการสมัครแพ็กเกจไว้ 

รอรับรหัส OTP 4 หลัก จากนั้นนำมากรอก และใส่รายละเอียดเบื้องต้น ทั้งในส่วนของชื่อที่ใช้แสดงในแอป รวมถึงอายุและเพศ  ซึ่งเมื่อเข้าไปดูในหน้าการตั้งค่าจะเห็นว่ามีชื่อของเราพร้อมเบอร์โทรที่สมัครจะโชว์อยู่ในหน้าเมนูล็อคอินเป็นที่เรียบร้อย เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสพรับความบันเทิงจาก Disney+ Hotstar กันแล้วครับ

ในส่วนของเมนูการตั้งค่า ผู้ใช้งานสามารถเปิดใช้งาน Kids Safe เพื่อกำหนดการรับชมคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับเด็ก ๆ  รวมถึงสามารถตั้งค่าการดาวน์โหลดวีดีโอไว้รับชมแบบออฟไลน์ , ดูวีดีโอจาก รายการรับชมที่บันทึกไว้,  ดูวีดีโอ ที่แบ่งตาม category, การตั้งค่าการแจ้งเตือน, ดูและแก้ไขบัญชีผู้ใช้งาน 

Disney+ Hotstar มาพร้อม User Interface หรือหน้าตาเมนูที่ดูเรียบง่าย มีการแบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างสวยงามเป็นระเบียบ สามารถเข้าถึงเนื้อหาคอนเทนต์ได้อย่างรวดเร็ว สำหรับด้านบนมุมซ้ายคือเมนูการตั้งค่า ส่วนด้านขวาจะเป็นปุ่มค้นหา ที่จะช่วยให้เราค้นหาคอนเทนต์ที่ต้องการดูได้อย่างสะดวกรวดเร็ว 

ด้านล่างจะมี 5 แท็บ ที่เป็นเสมือนปุ่มลัดในการเข้าถึงคอนเทนต์ต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วย หน้าหลัก, ซีรีส์, Disney+, ภาพยนต์, เอเชีย 

 

Disney+ Hotstar บริการสตรีมมิ่ง ที่มาพร้อมคอนเทนต์ระดับโลก

 จัดเต็มด้วยภาพยนตร์กว่า 700 เรื่อง และซีรีย์ยอดฮิตกว่า 14,000 ตอน ทั้งจากต่างประเทศ และของไทย บน DisneyHotstar ทั้งจากทั้งดิสนีย์มาร์เวลสตาร์ วอร์สพิกซาร์เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก, FX และ ทเวนตีท์ เซนจูรี สตูดิโอส์

รวมไปถึงคอนเท้นท์สุดพิเศษอย่าง Loki, The Mandalorian, WandaVision และ The Falcon and The Winter Soldier และยังมีภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ อาทิ AvengersEndgame, Luca, Ford v Ferrari, TerminatorDark Fate, แฟรนไชส์ the Maze Runner, Frozen 2 และอื่น ๆ อีกมากมาย

Disney+ Hotstar หนึ่งบัญชี สามารถรับชมพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ ซึ่งในบทความนี้ เราทำการรับชมบนสมาร์ตโฟน และบนทีวีผ่านกล่อง AIS PLAYBOX ซึ่งวิธีการดูบนกล่อง AIS PLAYBOX จะอธิบายไว้ด้านท้ายบทความ 

ทดสอบรับชมผ่านเครือข่าย AIS 5G ที่มาพร้อมความเร็ว แรง และมีคลื่นมากที่สุดในประเทศไทย  สามารถเลือกสตรีมวีดีโอคุณภาพที่ระดับ High ได้อย่างลื่นไหล ไร้อาการแลคให้เห็น และยังเต็มอิ่มครบทุกอรรถรส หากรับชมผ่านกล่อง ทีวี โดยสามารถเลือกรับชมคอนเทนต์ระดับ 4K พร้อมระบบเสียงชั้นเยี่ยมอย่าง Dolby Vision และ Dolby Atmos ได้อีกด้วย 

ฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ Disney+ Hotstar นั้นถือว่าครบเครื่อง สามารถอำนวยความสะดวกในการใช้งานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล, เนื่อเรื่องย่อ, เรทของหนัง รวมถึงสามารถดาวน์โหลดไว้ดูแบบออฟไลฟ์ เพื่อไม่ให้เปลืองปริมาณเน็ตในขณะใช้งานนอกพื้นที่ WiFi และนอกจากนี้ เรายังสามารถสร้างเพลย์ลิสต์ด้วยการ กดที่แท็บ “+ รายการรับชม” เพื่อที่จะสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วจากแผงควบคุมในเมนูการตั้งค่า ซึ่งใครที่ติดภาพยนต์หรือดูซีรีส์เรื่องไหนอยู่เป็นประจำ เมื่อสร้างรายการรับชมไว้ ก็จะสามารถเข้าไปดูคอนเทนต์ได้สะดวก เพราะไม่ต้องค้นหาใหม่ให้เสียเวลานั่นเอง

ในส่วนของเสียงและคำบรรยายก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ชมในบ้านเรา ในภาพรวมคอนเทนต์บน Disney+ Hotstar จะมีซับไทย รวมถึงคำบรรยายทั้งไทยและอังกฤษมาให้ ไม่แตกต่างจากบริการสตรีมมิ่งเจ้าอื่น ๆ และแน่นอนว่าหนังดัง ๆ บางเรื่องก็มีพากย์ไทยมาให้ใช้งาน โดยเราสามารถกำหนดการตั้งค่าทั้งในเรื่องของเสียงพากย์ รวมถึงคำบรรยายได้ตั้งแต่ก่อนรับชมคอนเทนต์นั้น  ๆ 

ส่วนในขณะรับชม สามารถที่จะ forward & backward หรือการเลื่อนดูคอนเทนต์เดินหน้า/ถอยหลังได้จากปุ่ม << >> ซ้ายขวาบนหน้าจอ ซึ่งจะเลื่อนครั้งละ 10 วินาที นอกจากนี้เราสามารถเลื่อนจุดที่ต้องการดูได้จากการลากแถบเนื้อหาไปยังจุดที่ต้องการได้อย่างอิสระ และยังกลับมารับชมจากจุดที่ดูค้างไว้ได้จากทุกอุปกรณ์อีกด้วย

การดูบนจอใหญ่ ๆ อย่าง คอมพิวเตอร์หรือทีวี สามารถทำได้ 2 วิธี คือการสตรีมผ่านสมาร์ตโฟนไปยังอุปกรณ์ที่รองรับ โดยบน iOS จะเป็นการใช้งานผ่าน AirPlay ส่วน Android ก็จะมี Cast, Wireless display หรือในชื่ออื่น ๆ ตามแบรนด์นั้น ๆ แต่หลักการทำงานจะเหมือนกันทุกประการ 

ส่วนวิธีที่ 2 คือการดูบนเว็บเบราว์เซอร์ ผ่านทางสมาร์ต ทีวี หรือกล่อง Android TV , Apple tv  โดยในบทความนี้ ทางทีมงานได้ใช้งานบนกล่อง AIS PLAYBOX  ซึ่งรองรับการใช้งาน  Disney+ Hotstar ได้อย่างลื่นไหล ผ่านเน็ต Fibre ระดับ Gbps จากค่าย AIS นั่นเอง

 

อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบในครั้งนี้คือ กล่อง AIS PLAYBOX รุ่น 2 และอัพเดต Firmware เวอร์ชั่นล่าสุดแล้ว 

เมื่อเข้ามาที่หน้าหลักของ AIS Play จะพบว่ามี Disney+ Hotstar อยู่ทั้งเมนูด้านซ้าย และที่เมนูความบันเทิงระดับโลก

ในการล็อคอินครั้งแรก ให้เข้าไปที่บัญชีของฉัน 

หลังจากนั้นที่หน้าแอปจะแสดงรหัส 4 หลัก โดยให้นำรหัสไปใส่ในเบราว์เซอร์บนโทรศัพท์ ผ่านทางลิงก์นี้  hotstar.com/th/activate 

เข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Disney+ Hotstar  และกรอกรหัส 4  หลัก ที่ได้รับมาในตอนแรก

ที่สมาร์ตโฟนจะแจ้งเตือนการเข้าสู่การใช้งานบนทีวีเป็นที่เรียบร้อย และที่เมนูบัญชีก็จะแสดงเบอร์โทรที่ใช้สมัครแพ็กเกจ ซึ่งหมายความว่าล็อคอินสำเร็จ สามารถรับชมคอนเทนต์จาก Disney+ Hotstar ผ่านกล่อง AIS PLAYBOX ได้เลย

การใช้งานบนทีวีผ่านกล่อง AIS PLAYBOX จะแตกต่างจากบนสมาร์ตโฟนเล็กน้อย แต่ก็สามารถเข้าถึงการตั้งค่าทั้งในส่วนของ คุณภาพวีดีโอ เสียงและคำบรรยายผ่านทางรีโมทของ AIS PLAYBOX 

แน่นอนว่าการรับชมผ่านหน้าจอใหญ่ ๆ นั้นช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมที่ดียิ่งขึ้น ส่วนใครที่ไม่มีกล่อง AIS PLAYBOX  สามารถรับชมผ่านเบราว์เซอร์ที่มีให้ใช้งานบนสมาร์ต ทีวี หรือจะรับชมจากการแคสผ่านสมาร์ตโฟนก็ได้เช่นกัน

 

บทสรุป 

นี่คือบริการสตรีมมิ่งที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดบนโลกโซเชี่ยล ณ ขณะนี้ ด้วยเนื้อหาคอนเทนต์ระดับ world class พร้อมตอบโจทย์สายบันเทิงด้วยภาพยนตร์กว่า 700 เรื่อง และซีรีย์ยอดฮิตกว่า 14,000 ตอน ทั้งจากต่างประเทศ และของไทย สามารถรับชมได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน จากหนึ่งบัญชี ในระดับความละเอียดสูงสุดที่ 4K 

และที่ถือว่าพีคสุด ๆ ก็คือการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับค่ายเอไอเอส โดยมอบสิทธิพิเศษด้วยราคาค่าบริการที่เข้าถึงได้ง่ายมาก ๆ ซึ่งในช่วง Early Bird จะเสียค่าบริการเพียงเดือนละ 35 บาทเท่านั้น ส่วนหลังจาก Early Bird ก็ยังจับต้องได้ง่ายเหมือนเช่นเคย โดยเสียค่าบริการเพียง  49 บาทต่อเดือน หรือรายปีแค่ 499 บาท บอกเลยคุ้มเพราะถูกลงกว่าเดิม  เมื่อคำนวนแล้วจะตกเพียงเดือนละ 42 บาทเท่านั้น 

สรุปในภาพรวม ถ้าเป็นลูกค้า AIS อยู่แล้ว แพ็กเกจ Disney+ Hotstar นั้นตอบโจทย์ในช่วง Work from Home และเรียนออนไลน์มาก ๆ ด้วยคอนเทนต์คุณภาพคับแก้ว ผสานเข้ากับโครงข่าย 5G และ Fibre อันทรงพลัง แต่จ่ายเพียงเบา ๆ ในราคาเริ่มต้นเพียง 49 บาทเท่านั้น ต้องยอมรับเลยว่า Disney+ Hotstar  คือบริการสตรีมมิ่งสุดร้อนแรงที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง 

Facebook Comments

Related Posts