Fitbit ส่งฟิตเนสแทรคเกอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ลุยตลาดผู้รักสุขภาพในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็คือ Fitbit luxe ที่มาพร้อมจุดเด่นด้านดีไซน์สุดหรู ประหนึ่งเป็นเครื่องประดับบนข้อมือที่สวมใส่ได้ในทุก ๆ สถานการณ์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ด้านออกกำลังกายแบบจัดเต็ม ทั้งโหมดออกกำลังกายอันหลากหลาย , ฟีเจอร์การวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ 24 ชั่วโมง, วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2), ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 5 วัน, บอดี้กันน้ำใส่ว่ายน้ำได้, ติดตามการนอนหลับ และอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกว่าครบจบในเครื่องเดียวอย่างแท้จริง
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
ตัวกล่องแพ็กเกจจิ้งของ Fitbit luxe มาในโทนสีชมพูตามสีของสายรัด ซึ่งแต่ละสีก็จะมีสีของตัวกล่องที่แตกต่างกันไปนั่นเอง สำหรับด้านหน้าจะโชว์รูปตัว Fitbit luxe พร้อมกำกับฟีเจอร์ที่โดดเด่นไว้รอบตัวกล่อง ทั้งฟีเจอร์จัดการความเครียด, วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ 24 ชั่วโมง, ตรวจจับการนอนหลับและฟีเจอร์ที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย และเมื่อเปิดตัวกล่องออกมาจะพบกับการจัดวางตัว Fitbit Sense และอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้อย่างสวยงามลงตัว
ด้านในกล่อง จะพิมพ์ระบุการใช้งานเบื้องต้น ทั้งการดาวน์โหลดแอปและการสร้างแอคเคาท์ รวมถึงข้อความต้อนรับเข้าสู่ Fitbit family สำหรับสีที่ทางทีมงานได้มารีวิวในครั้งนี้ ตัวเรือนเป็นสี Platinum Stainless Steel พร้อมสายสี Orchid นอกจากนี้ยังมีสี Soft Gold Stainless Steel สาย Lunar White และ Graphite Stainless Steel สาย Black รวมถึงรุ่นพิเศษจากความร่วมมือกับ gorjana แบรนด์เครื่องประดับชั้นนำ โดยตัวเรือนเป็นสีทอง Soft Gold Stainless Steel พร้อมสาย Parker Link Bracelet
อุปกรณ์ภายในกล่องจะประกอบไปปด้วย
- ตัวเรือน Fitbit luxe
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ
- สายซิลิโคนสำรอง ขนาดยาว
- ที่ชาร์จ USB แบบ dot หัวเข็ม
สำหรับสายชาร์จรุ่นนี้จะมีปุ่มกดที่หัวชาร์จมาให้ด้วย ซึ่งทำหน้าที่ wake เพื่อให้ตัวนาฬิกาแสดงผลในขณะชาร์จ
รูปลักษณ์ดีไซน์/การออกแบบ
มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED แบบสัมผัส ขนาด 0.76 นิ้ว ความละเอียด 124×206 พิกเซล ให้สีสันสดใสสวยงามคมชัด รวมถึงยังมาพร้อมฟีเจอร์ Always-On Display เพื่อให้สามารถติดตามผลการออกกำลังกายได้แบบเรียลไทม์ต่อเนื่อง
Fitbit Luxe มาพร้อมดีไซน์ Slim jewelry ซึ่งเป็นการออกแบบที่เน้นในเรื่องความบางเบา สวมใส่สบายและยังให้ความรู้สึกถึงความหรูหราสวยงาม เปรียบเสมือนเครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่สามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส นอกจากนี้ ตัวเรือนยังผลิตจากวัสดุสแตนเลสสตีลที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่งทนทานกว่าวัสดุที่เป็นสแตนเลสสตีล และมาพร้อมคุณสมบัติป้องกันน้ำได้ลึกสูงสุด 50 สามารถสวมใส่อาบน้ำ ลุยฝน และใช้งานในกิจกรรมออกกำลังอย่างว่ายน้ำได้โดยไม่มีปัญหา
ตัวสายเลือกใช้วัสดุซิลิโคนที่ออกแบบมาให้มีความอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ซึ่งใช้ในสมาร์ตวอทช์ยอดนิยมของหลาย ๆ แบรนด์ จึงไม่ทำให้ระคายเคืองในการสวมใส่ ส่วนตัวล็อกและ buckle จะเป็นพลาสติก โดยตัดสีสันด้วยสีเงิน ซึ่งช่วยให้ดูพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนสายนาฬิกาได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ เพียงกดที่สลักแล้วดึงออกก็สามารถเปลี่ยนถอดสายได้ง่าย ๆ อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนไปใช้สายอื่น ๆ ตามสไตล์การใช้งานที่ชื่นชอบ (ซื้อเพิ่มเติม) เช่น สายสแตนเลสสตีล Stainless Steel Mesh สายถัก Woven Bands และสายหนัง Premium Horween® Leather Double Wrap เป็นต้น
Fitbit luxe มาพร้อมเซนเซอร์ในระดับการใช้งานเบื้องต้นได้อย่างครบถ้วน ทั้งเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ , การติดตาม Sp02, 3-axis accelerometer และระบบสั่น Vibration motor เพื่อช่วยในด้านการแจ้งเตือน
ด้านการสวมใส่
ด้านการสวมใส่ แม้จะออกแบบให้ดูเพรียวบางในสไตล์เครื่องประดับ แต่ Fitbit luxe สามารถสวมใส่ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย สำหรับคนที่มีข้อมือใหญ่ก็สามารถเปลี่ยนเป็นสาย L ซึ่งมีความยาวประมาณ 5 นิ้ว จึงรองรับข้อมือของผู้สวมใส่ได้ตั้งแต่ 7.1 – 8.7 นิ้ว (วัดจากในเส้นรอบวงของข้อมือ) รวมถึงยังเลือกใช้วัสดุซิลิโคนที่มีความยืดหยุ่นและอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ส่งผลให้สามารถสวมใส่ได้ตลอดทั้งวันโดยไม่เกิดอาการระคายเคืองแต่อย่างใด
รองรับการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์ม iOS และ Android ได้อย่างสมบูรณ์ การทำงานหรือการเซ็ตอัพไม่ได้ยุ่งยากหรือต่างไปจากอุปกรณ์รุ่นอื่น ๆ ของ Fitbit สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Fitbit มาติดตั้งแล้วเซ็ตอัพตามคำแนะนำในแอปพลิเคชันได้เลยครับ
การเข้าถึงเมนูต่าง ๆ
การปัดหน้าจอแสดงผลจากด้านบนลงมาด้านด้านล่างจะเข้าสู่เมนู DND Mode, SLEEP Mode, Screen Wake, Water Lock และการตั้งค่าหลักของตัวเครื่อง
ส่วนการปัดหน้าจอแสดงผลจากด้านล่างขึ้นด้านบนจะเข้าสู่หน้าแสดงผลของ แบตเตอรี่ วันที่และเวลา, จำนวนก้าวเดิน , Reminder to Move อัตราการเต้นของหัวใจ, Active Minutes และสุขภาพการนอนหลับเป็นต้น
เมื่อปัดไปทางซ้ายหรือทางขวาจะเข้าสู่เมนู สู่หน้าการแจ้งเตือน Notification, โหมดออกกำลังกาย, โหมด Relax, นาฬิกาปลุก, นาฬิกาจับเวลา
มาพร้อมจุดเด่นด้วย Clock Faces ที่มีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ
ด้านการออกกำลังกาย
โหมดออกกำลังตามเป้าที่มีให้เลือกมากกว่า 20 รูปแบบ มาพร้อมฟีเจอร์ด้านสุขภาพแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการนับก้าวเดิน ปริมาณแคลลอรี่ที่เผาผลาญ วัดชีพจรตลอด 24 ชั่วโมง และอื่น ๆ อีกมากมาย ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี
รองรับสถิติแบบเรียลไทม์ระหว่างการออกกำลังกาย และสามารถให้ SmartTrack จดจำและบันทึกการออกกำลังกายโดยอัตโนมัติ แล้วนำมาซิงค์กับสมาร์ตโฟนในภายหลัง ซึ่งสามารถแสดงผลได้อย่างละเอียดครบถ้วน รวมถึงแสดง Maps ในรูปแบบแผนที่ ที่เราได้ไปออกกำลังกายบนสมาร์ตโฟนได้อีกด้วย
ไฮไลท์ฟีเจอร์ Fitbit luxe
โหมด Relax จะเป็นการฝึกการหายใจเข้าออก เพื่อช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย
Fitbit luxe มาพร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- Track your mindfulness ที่ติดตามการฝึกสมาธิของผู้ใช้งาน
- Track you exercise ติดตามการออกกำลังกายที่สามารถเข้าถึงสถิติและข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด
- Stress Management Score ที่อาศัยการประเมินจากกิจกรรมในแต่วัน เช่นอัตราการเต้นของหัวใจ การนอนหลับ และให้คะแนนจาก 1 ถึง 100 เพื่อบ่งบอกถึงระดับความเครียดของผู้ใช้งาน
Wear your Fitbit to bed
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ Fitbit เป็นผู้บุกเบิกจนกลายมาเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ไฮไลท์ของทางค่าย ก็คือ Sleep tracking หรือแทร็คการนอนหลับ ที่สามารถทำได้ละเอียดมาก ๆ ทั้ง Awake, Light Sleep, Deep Sleep, REM
โดยประโยชน์ของ Sleep tracking จะช่วยวิเคราะห์การนอนหลับ และรับคำแนะนำจาก Sleep Insights เพื่อช่วยประมวลผลและปรับปรุงคุณภาพในการนอน ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน
Health Metrics
ฟีเจอร์ที่สามารถตรวจสอบอัตราการหายใจ ค่าความผันแปรของอัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการเต้นของหัวใจในขณะพัก ความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิบนผิวหนัง และระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2 ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยแจ้งเตือนให้ผู้ใช้งานเข้าใจข้อมูลพื้นฐานด้านสุขภาพ และเป็นการบ่งชี้ให้เห็นถึงสัญญาณอาการเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพอื่น ๆ เช่น การบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่ผู้ใช้งานรับประทานเข้าไป การดื่มน้ำ และน้ำหนัก รวมถึงการตั้งเป้าหมายการลดน้ำหนักของผู้ใช้งานเป็นต้น
Fitbit Premium
บริการ Fitbit Premium จะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพในรูปแบบแอดวานซ์และเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ให้คำแนะนำแผนในการออกกำลังกาย, การเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของการนอน, อัตราการหายใจ, ติดตามความแปรผันของหัวใจ หรือ Heart Rate Variability (HRV), วิเคราะห์ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแดง หรือ SpO2 เป็นต้น ซึ่งสามารถทดลองใช้งานได้ฟรี นาน 6 เดือน จากนั้นจะเสียค่าบริการเดือนละ 299 บาท
บทสรุป
Fitbit luxe เป็น Fitness Tracker ที่มาพร้อมดีไซน์สวยงาม แฝงความเป็นเครื่องประดับแฟชั่นที่สามารถสวมใส่ได้ในทุกสถานการณ์ ส่วนในด้านฟีเจอร์สุขภาพก็ถือว่าจัดเต็มเท่าที่ Fitness Tracker ควรจะมี ทั้งโหมดออกกำลังกายอันหลากหลาย , ฟีเจอร์การวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ 24 ชั่วโมง, วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2), ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 5 วัน, บอดี้กันน้ำใส่ว่ายน้ำได้, ติดตามการนอนหลับ และอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกว่าครบจบในเครื่องเดียวอย่างแท้จริง
สรุป Fitbit luxe เป็นฟิตเนสแทรคเกอร์ที่ครบเครื่อง ในราคาจับต้องได้ มาพร้อมฟีเจอร์ล้ำ ๆ อัดแน่นพร้อมตอบโจทย์กลุ่มผู้รักสุขภาพทั้งหญิงชายได้อย่างลงตัว
ทั้งนี้ Fitbit Luxe วางจำหน่ายแล้วอย่างเป็นทางการ โดยมี 4 สีให้เลือกใช้งานได้แก่
- สี Platinum Stainless Steel พร้อมสายสี Orchid
- สี Soft Gold Stainless Steel สาย Lunar White
- สี Graphite Stainless Steel สาย Black
- สีทอง Soft Gold Stainless Steel พร้อมสาย Parker Link Bracelet รุ่นพิเศษจากความร่วมมือกับ gorjana
สำหรับรุ่นมาตรฐาน เปิดตัวในราคา 4,990 บาท ส่วนรุ่นพิเศษ gorjana ราคา 7,659 บาท
สิทธิพิเศษ !! สำหรับผู้ที่จับจองเป็นเจ้าของ Fitbit Luxe จะได้ได้รับสิทธิ์เป็นสมาชิก Fitbit Premium ฟรีนาน 6 เดือน (ปกติคิดค่าบริการ 299 บาทต่อเดือน หรือ 2,400 บาทต่อปี)
