รีวิว Infinix HOT 40 Pro สมาร์ตโฟนเกมมิ่ง สเปคแรง ชิปเซ็ต Mediatek Helio G99 หน้าจอ 120Hz แบตใหญ่ 5000mAh รองรับชาร์จไว 33 วัตต์ ในราคาไม่ถึง 6,000 บาท

โดย J.wasan
0 ความเห็น 1.9K views

Infinix HOT 40 Pro เป็นสมาร์ตโฟนเกมมิ่งที่ได้รับกระแสตอบรับดีมาก ๆ หลังจากเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในความน่าสนใจก็คือความร่วมมือกับ Free Fire ทั้งในด้านบรรจุภัณฑ์ ธีม และทางด้าน Software ที่ทำให้สามารถเล่นเกมดังกล่าวได้อย่างลื่นไหล 90FPS เมื่อรวมกับสเปคแรง ๆ ที่ให้มาแบบไม่มีกั๊ก ทั้งชิปเซ็ตตัวแรง Mediatek Helio G99 หน้าจอเรือธง 120Hz FHD+ ROM256/RAM 16GB (Extended ram ) ลำโพงคู่สเตอริโอพร้อมระบบเสียง DTS รองรับระบบเสียง Hi-Res พร้อมแบตใหญ่จุใจ 5000mAh รองรับชาร์จไว 33 วัตต์ ส่งผลให้ Infinix HOT 40 Pro เป็นสมาร์ตโฟนเกมมิ่ง สุดคุ้ม ที่พร้อมมอบประสบการณ์การเล่นเกมได้ดีที่สุดในงบประมาณที่จับต้องได้

                                   

สเปคเบื้องต้น Infinix HOT 40 Pro

ขนาด 168.6 x 76.6 x 8.25 มม. 
น้ำหนัก 199 กรัม 
หน้าจอแสดงผล หน้าจอ IPS LTPS ขนาด 6.78 นิ้ว FHD+ (1080*2460), รองรับ Refresh Rate 120Hz ความสว่างสูงสุด 500 nits
หน่วยประมวลผล ชิปเซ็ต Mediatek Helio G99 (6nm) Octa-core (2×2.2 GHz Cortex-A76 & 6×2.0 GHz Cortex-A55) ชิปประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2
 
 
RAM 8GB
หน่วยความจำภายในเครื่อง 256GB 
microSD Card รอองรับ (สูงสุด 1 TB)
ระบบปฏิบัติการ XOS 13.5 บนพื้นฐานของ Android 13
เชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 (a/b/g/n/ac) DTS, Hi-Res AUDIO, WIDVINE L1+
กล้องถ่ายภาพ

กล้องหลัง : 3 เลนส์ Triple Camera 

    • กล้องหลักความละเอียด 108MP รูรับแสงกว้าง f/1.75 (AF)
    • เลนส์ Macro ความละเอียด 2MP รูรับแสงกว้าง f/2.4
    • เลนส์ AI รูรับแสงกว้าง f/2.0
    • แฟลช QUAD FLASH

——————————————————-

กล้องหน้าความละเอียด 32MP รูรับแสงกว้าง f/2.2 ไฟแฟลช Dual LED 

——————————————————-

โหมดการถ่าย 
ภาพยนตร์ วิดีโอ เทคโนโลยีถ่ายภาพอัจฉริยะ (AI Camera) บิวตี้โหมด โหมดถ่ายภาพบุคคล โหมดSUPER NIGHT โหมดSKY SHOP โหมดโปร โหมดถ่ายภาพาโนรามา โหมดซูเปอร์มาโคร โหมดถ่ายภาพเอกสาร โหมดสโลว์โมชั่น โหมดไทม์แลปส์ โหมดวิดีโอกล้องคู่ โหมด SHORT VIDEO โหมด AR SPACE

รองรับระบบ

รองรับการทำงาน Dual-SIM 2 ซิมการ์ด Dual SIM and Dual Standby

  • 2G GSM : B2|3|5|8

  • 3G WCDMA : B1|2|4|5|8

  • 4G : B1|2|3|4|5|7|8|20|28A|28B|38|40|41(120M)

แบตเตอรี่ 5000mAh รองรับชาร์จไว 33 วัตต์, 5V/6.6A
สี สีที่วางจำหน่ายในไทย Palm Blue (ฟ้า), Horizon Gold (ทอง), Starlit Black (ดำ), Starfall Green (เขียว)
ราคา 


5,799 บาท

บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง

ตัวกล่องบรรจุภัณฑ์มาในโทนของ Free Fire limited edition ซึ่งเป็นความร่วมมือของทั้งสองแบรนด์เพื่อสื่อถึงความเป็นสมาร์ตโฟนเกมมิ่งนั่นเอง สำหรับด้านหน้าจะมีการพิมพ์บอกจุดเด่นต่าง ๆ ของ Infinix HOT 40 Pro อาทิ ชิปเซ็ตตัวแรง Mediatek Helio G99 และขับเคลื่อนด้วยฟีเจอร์ XBOOST Gaming Engine ที่ช่วยให้การเล่นเกมได้ไหลลื่นเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับพื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่องขนาดใหญ่ถึง 256GB ผสานด้วยแรม 16GB (8+8GB Extended ram) รองรับ NFC และระบบเสียง Hi-Res

ด้านใต้และด้านหลังกล่อง จะพิมพ์บอกรายละเอียดทั้งในส่วนของฟีเจอร์เด่น ๆ และสเปคเบื้องต้น รวมถึงชื่อรุ่น สี หมายเลขอีมี่และรายละเอียดของผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย 

 

ฟิล์มกันรอยจะมีการติดมาให้เรียบร้อยตั้งแต่โรงงาน สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องจะมีดังนี้

  • อแดปเตอร์ชาร์จไฟ OUTPUT 5.0V : 30A 15.0W / 5.0V – 10.0V 3.3A, /11.0V : 3.0A 33.0 Max

  • สายดาต้าลิงค์แบบ USB Type-C 

  • Soft Case TPU 

  • อุปกรณ์เปิดถาด SIM Card

  • ใบรับประกัน, และคู่มือการใช้งานฉบับย่อ

 

รูปลักษณ์ดีไซน์การออกแบบ   

Infinix HOT 40 Pro มาพร้อมดีไซน์สุดมินิมอลในรูปทรง 2.5D ที่ตัดขอบเรียบตามสมัยนิยม บอดี้บาง 8.25มม. น้ำหนักเบาเพียง 199 กรัม และยังมีมุมโค้งมนแบบสมมาตรทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่งผลให้การจับถือได้ถนัดกระชับมือ ในด้านการใช้งานถือว่าโดดเด่นจากเทคโนโลยีการเคลือบตัวฝาหลังซึ่งให้สีสันที่สวยงาม รวมถึงไม่ก่อให้เกิดรอยนิ้วมืออีกด้วย 

สำหรับสีที่ทางทีมงานได้มารีวิวในครั้งนี้ คือสี Horizon Gold (ทอง) โดยตัวฝาหลังจะมีเท็กเจอร์แบบเส้นผาดผ่านในมุมโค้ง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากฝนดาวตก การออกแบบนี้โดดเด่นด้วยชั้นคริสตัลที่แวววาวบนพื้นผิวที่พร่างพราย เผยให้เห็นพื้นผิวมันวาวที่เปลี่ยนไปตามมุมของแสงที่ตกกระไปยังฝาหลัง

Infinix HOT 40 Pro มาพร้อมหน้าจอแสดงผล Punch-Hole 1080P พาแนล IPS LTPS ให้สีสัน สดใส คมชัดสมจริง ขนาดใหญ่เต็มตาถึง 6.78 นิ้ว บนความละเอียด FHD+ (1080*2460) อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.7%  ความสว่างสูงสุด 500 nits รองรับฟีเจอร์ DRE (การเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่มืด) เทคโนโลยีการอ่านจอได้ใต้แสงแดด




หน้าจอเรือธง 120Hz FHD+ มอบประสบการณ์การสัมผัสที่ลื่นไหลขั้นสูง รีเฟรชเรทสามระดับจะปรับตามโหมดการใช้งานต่างๆ โดยอัตโนมัติ ทำให้หน้าจอปรับความสว่างได้อย่างชาญฉลาดพร้อมตอบโจทย์การเล่นเกมได้ไหลลื่นไร้การสะดุด นอกจากนี้ยังรองรับความไวในการสัมผัสหน้าจอสูงถึง 1200Hz ให้ความแม่นยำกว่าหน้าจอมาตรฐานทั่วไปถึง 8 เท่า

กล้องหน้าแบบ Punch Hole โดยจัดวางเลย์เอาท์ไว้อยู่ตรงกลางของจอแสดงผล ซึ่งจากการใช้งานจริงให้ความรู้สึกกลมกลืนไม่รบกวนสายตา แต่ยังคงให้คุณภาพมาแบบเต็มเปี่ยม ด้วยความละเอียดของกล้องหน้าที่สูงถึง 32MP พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual LED อยู่ที่มุมขวาบนของขอบตัวเครื่อง สำหรับลำโพงสนทนามีขนาดเล็ก และจัดวางอยู่ในขอบของตัวเครื่องซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่แสดงผลได้อีกทางหนึ่งด้วย

Magic Ring รูปแบบใหม่ในการรับข้อมูล

ในส่วนของโซนกล้องหน้า จะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Magic Ring โดยจะทำการแสดงข้อมูลแจ้งเตือนต่าง ๆ ด้วยแถบที่ขยายออกมาจากกล้องหน้า ในรูปแบบ Pop-Up ซึ่งสามารถแจ้งเตือนได้หลากหลายรูปแบบ เช่นระดับแบตเแตอรี่ ข้อมูลการชาร์จ / ชาร์จเร็ว การปลดล็อคด้วยใบหน้า การโทร เป็นต้น 

 

กล้องหลังสามเลนส์ 108MP Triple Camera มาพร้อมโมดูลกล้องขนาดใหญ่ ในโทนสีเดียวกับฝาหลัง และล้อมคาดด้วยขอบโลหะเพิ่มความหรูหราพรีเมี่ยม สำหรับไฟแฟลชจะเป็นแบบ QUAD FLASH

ด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นช่องลำโพงสเตอริโอตัวที่ 1 

ด้านล่างประกอบไปด้วย ช่องลำโพงสเตอริโอตัวที่ 2, พอร์ต USB Type-C , ไมค์สนทนาและช่องเสียบหูฟัง 3.5มม.

ด้านขวาจะมีปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง โดยใช้สีโทนเดียวกับกรอบของตัวเครื่อง ถัดลงมาจะเป็นปุ่มพาวเวอร์ในโทนสีทอง โดยตัวปุ่มพาวเวอร์จะมีการฝั่งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ  Side-Mounted Fingerprint Scanner ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว

ฝั่งซ้ายของตัวเครื่องจะมีช่องถาดซิมการ์ดและช่องเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอก MicroSD Card 

ตัวถาดซิมการ์ดของ Infinix HOT 40 Pro จะเป็นแบบ Triple Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบนาโนซิม พร้อมรองรับหน่วยความจำภายนอกชนิด MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 1TB 

ประสิทธิภาพ 

Infinix HOT 40 Pro ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Mediatek Helio G99 บนสถาปัตยกรรม 6nm ด้วยความถี่คอร์ขนาดใหญ่กับความไว CPU สูงถึง 2.2GHz ผสานด้วย GPU Mali-G57 MC2 ให้การแสดงภาพที่เร็วและเสถียร รวมถึงประสิทธิภาพที่ทรงพลังยิ่งขึ้น รวมถึงยังจัดการด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ในด้านคะแนนผลทดสอบ Infinix HOT 40 Pro ได้คะแนนจาก AnTuTu ไปถึง 434434 คะแนน

ด้วยเทคโนโลยี Extended ram ทำให้ Infinix HOT 40 Pro สามารถอัปเกรดหน่วยความจำเป็น 8GB+8GB โดยเป็นการนำพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง (ROM) ส่วนหนึ่งมาจัดสรรเพื่อใช้ร่วมกับ RAM หลัก หรือที่เรารู้จักในชื่อ Virtual Memory ซึ่ง Infinix HOT 40 Pro สามารถขยาย RAM 8GB เพิ่มขึ้นได้อีก 8GB จึงพร้อมมอบประสบการณ์ที่เสมือนใช้งาน RAM 16GB ส่งผลให้สามารถใช้แอปพลิเคชันพร้อมกันได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหล และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงสลับไปมาระหว่างแอปราบรื่น พร้อมเข้าถึงได้ทันที 

Infinix HOT 40 Pro มาพร้อม ฮาร์ด-ไจโรสโคป สามารถยกระดับประสิทธิภาพการเล่นเกมแบบมือโปร โดยเซ็นเซอร์ไจโรสโคป จะช่วยเพิ่มการตรวจจับเชิงพื้นที่แบบ 3 มิติ ช่วยให้สามารถติดตามการเล่นของเราได้อย่างแม่นยำ

Infinix HOT 40 Pro มีตัวรับสัญญาณ Metamaterial ที่ก้าวล้ำโดยมีพื้นที่ใหญ่ขึ้น 3 เท่า ผลลัพธ์ที่ได้คือประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น แบนด์วิดธ์ที่กว้างขึ้น และประสิทธิภาพสัญญาณที่เร็วและเสถียรมากขึ้น โดยมีความเร็วในการดาวน์โหลดไฟล์สูงขึ้น 68%, ความแรงของสัญญาณเพิ่มขึ้น 6dB, ระยะบลูทูธสูงขึ้น 60% ความหน่วงของเกมลดลง 36% ↓

Infinix HOT 40 Pro ให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5000mAh (TYP) พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W ที่สามารถชาร์จจากระดับ 20%-75% ใน 35 นาที และให้การชาร์จเต็มอย่างรวดเร็วเพื่อความเพลิดเพลินของผู้ใช้งาน ในขณะเดียวกันก็มั่นใจในความปลอดภัยของผู้ใช้งานและยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ด้วยการตรวจสอบอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ แม้จะผ่านไป 4 ปี

ทั้งนี้ควรใช้สายชาร์จ และอแดปเตอร์ชาร์จที่ให้มาในกล่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุด

นอกจากจะมีแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5000mAh แล้ว Infinix HOT 40 Pro ยังมีแอป “มาราธอนพาวเวอร์” ที่มาพร้อมกับโหมดประหยัดพลังงานพิเศษสามารถรองรับเวลาสแตนด์บายได้ตลอดทั้งวันอย่างเหลือเชื่อ เช่นการโทรสูงสุด 2 ชั่วโมง แม้ว่าพลังงานจะต่ำเพียง 5% ก็ตาม

Infinix HOT 40 Pro  พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานลื่นไหลกว่าเดิมด้วย XOS 13.5 ที่รันบนพื้นฐานของ Android 13 โดยระบบปฏิบัติการ XOS 13.5 นำเสนอชุดไอคอนและวิดเจ็ตในธีมของเกม Free Fire ที่สามารถปรับแต่งได้ยืดหยุ่น ทั้ง Widgets รูปแบบไอคอน ฯลฯ 

ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนธีม หรือภาพพื้นหลังรวมถึงรูปแบบตัวอักษรได้ตามสไตล์การใช้งาน พร้อมทั้งตั้งค่ารูปแบบ Home Screen ได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ

ธีมเกม Free Fire ของ Infinix HOT 40 Pro ยังมาพร้อมวอลเปเปอร์แบบไดนามิกแบบใหม่ที่สามารถขยับได้ ซึ่งจะมีตัวละครทั้งหมด 4 แบบให้เลือกใช้งานในสไตล์ของเกมเมอร์ 

Mini Window ใหม่สำหรับสถานการณ์ที่ผู้ใช้ต้องการใช้งานสองแอปพร้อมกัน อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถ ย่อ หรือสลับระหว่างโหมดหน้าต่างเล็ก ๆ เป็นเต็มหน้าจอ หรือลบออกได้อย่างง่ายดาย

ด้านการถ่ายภาพ

กล้องหลังจัดเต็มด้วย AI Triple Camera เซนเซอร์ HM6 ความละเอียดสูงสุด 108MP โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

  • กล้องหลักความละเอียด 108MP รูรับแสงกว้าง f/1.75 (AF)
  • เลนส์ Macro ความละเอียด 2MP รูรับแสงกว้าง f/2.4
  • เลนส์ AI รูรับแสงกว้าง f/2.0
  • แฟลช QUAD FLASH

ส่วนโหมดการถ่าย ก็ถือว่าอัดแน่น มีหลากหลายโมดให้ใช้งาน เช่น ภาพยนตร์ วิดีโอ (สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียด 2K 30FPS) เทคโนโลยีถ่ายภาพอัจฉริยะ (AI Camera) บิวตี้โหมด โหมดถ่ายภาพบุคคล โหมด SUPER NIGHT โหมด SKY SHOP โหมดโปร โหมดถ่ายภาพาโนรามา โหมดซูเปอร์มาโคร โหมดถ่ายภาพเอกสาร โหมดสโลว์โมชั่น โหมดไทม์แลปส์ โหมดวิดีโอกล้องคู่ โหมด SHORT VIDEO โหมด AR SPACE 


สำหรับกล้องหน้าให้ความละเอียดมาที่ 32MP รูรับแสงกว้าง f/2.2 ไฟแฟลช Dual LED ช่วยให้การถ่ายรูปในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้ดียิ่งขึ้น 

ภาพตัวอย่างจากกล้องหน้า 

โหมด Auto 

พอร์ตเทรต

โหมดบิ้วตี้ 

ภาพตัวอย่างจากกล้องหลัง 

เก็บทุกความประทับใจด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล ให้ภาพที่ความละเอียด 12000 x 9000 พิกเซล ส่วนในโหมดปกติจะให้ความละเอียดที่ 3968 x  2976 พิกเซล

ทั้งในโหมดปกติและโหมดความละเอียดสูง รองรับการซูมแบบ Optical zoom 2x และ Digital zoom ได้สูงสุดที่ 10x

   

โหมด Auto 

โหมดบิวตี้ 

โหมดพอร์ตเทรต

ระยะปกติ

โหมด Macro 

โหมด Auto 

โหมด SUPER NIGHT

ด้านการเล่นเกม 

มาถึงไฮไลท์ที่เป็นจุดขายหลักของ Infinix HOT 40 Pro กันแล้วนะครับ นั่นก็คือการเล่นเกมนั่นเอง ซึ่งในภาพรวมต้องบอกว่า Infinix HOT 40 Pro เป็นสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์การเล่นเกมได้ดีมาก ๆ ทั้งในคุณสมบัติทางด้าน Hardware ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ตตัวแรง Mediatek Helio G99 หน้าจอเรือธง 120Hz FHD+ ขนาดใหญ่เต็มตาถึง 6.78 นิ้ว พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่องขนาดใหญ่ถึง 256GB ผสานด้วยแรม 16GB (8+8GB Extended ram) ลำโพงคู่สเตอริโอพร้อมระบบเสียง DTS รองรับระบบเสียง Hi-Res  มีฮาร์ด-ไจโรสโคป และตัวรับสัญญาณ Metamaterial ที่ช่วยให้การเล่นเกมราบรื่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิยิ่งกว่าที่เคย

XBOOST

XBOOST มาพร้อมเวอร์ชันใหม่ล่าสุด ซึ่งได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด ซึ่งสามารถเลือกการทำงานได้ถึงสามโหมดตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโหมดประหยัดพลังงาน โหมดสมดุล และโหมดประสิทธิภาพที่สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้แบบเต็มประสิทธิภาพ 

ในด้านการใช้งาน XBOOST เพียงเลื่อนไปทางด้านซ้ายระหว่างเล่นเกม จะพบกับแผงควบคุม ซึ่งนอกจากจะเลือกโหมดการเล่นเกมได้ 3 โหมดแล้ว XBOOST ยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างไหลลื่นต่อเนื่องตลอดช่วงเวลาที่เล่นเกม อาทิเช่น ล็อกความสว่างหน้าจอ, การควบคุมอุณหภูมิขณะชาร์จ, ควบคุมอุณหภูมิขณะเล่นเกม ซ่อนการแจ้งเตือน การจับภาพหน้าจอ เป็นต้น 

 

Free Fire

เนื่องจาก Infinix Hot 40 Pro ได้มีการจับมือเป็น Partner กับทาง Free Fire ในการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการเล่นเกมในแบบใกล้ชิด เกมแรกที่เราจะมาทดสอบก็ต้องเป็น Free Fire อย่างแน่นอน สำหรับจุดเด่นอย่างแรกก็คือ Infinix Hot 40 Pro สามารถปลดล็อก Free Fire 90FPS ได้ ในด้านการตั้งค่าเบื้องต้น สามารถตั้งค่ากราฟิกได้ในระดับสูง พร้อมเปิด XBOOST ไปที่โหมดสมดุล จากที่ได้ลองเล่นเกือบ ๆ 1 ชั่วโมง พบว่าสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล มีความสมูท การแพนกล้อง การยิง หรือฟาร์มของก็เป็นไปอย่างราบรื่น แถมตัวเครื่องยังไม่ร้อน สามารถเล่นได้แบบยาว ๆ ต่อเนื่อง 

PUBG Mobile

ต่อด้วยเกมที่เป็นแนวคล้าย ๆ กันอย่าง PUBG Mobile  เบื้องต้นสามารถตั้งค่ากราฟิกที่ระดับ HD และเฟรมเรทระดับสูง ซึ่งในการทดสอบจริง ทั้งการเคลื่อนไหว รวมถึงแอคชั่นต่าง ๆ ภายในเกมนั้นให้ความลื่นไหลที่ดีมาก ๆ เรียกว่าเล่นได้ไหลลื่น ไม่พบอาการหน่วงให้หัวร้อนอย่างแน่นอน

ROV

เกม ROV สามารถเปิดการตั้งค่าภาพ HD ได้ในระดับสูงสุด (ค่าเริ่มต้นคือมาตรฐาน) ส่วนการแสดงผลจะเปิดได้แค่ในระดับ “สูง” เท่านั้น เมื่อลองเล่นในโหมดปกติ 5 VS 5 ซึ่งพบว่าสามารถเล่นได้แบบไหลลื่นสมูทสุด ๆ  โดยไม่พบอาการแลคหรือหน่วงให้เห็น รวมถึงสามารถเล่นในโหมดเฟรมเรทสูงได้อีกด้วย โดยเฟรมเรทจะวิ่งอยู่ราว ๆ 60fps – 59fps ถือว่าค่อนข้างนิ่งเลยทีเดียว

Genshin Impact

ปิดท้ายกันด้วยเกม Genshin Impact ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเกมที่ค่อนต้องการใช้ทรัพยากรสูง โดยทางทีมงานทดสอบด้วยการเล่นเกมจากการตั้งค่าเบื้องต้น ตัวคุณภาพกราฟิกจะเป็นต่ำสุด พบว่าเล่นได้สมูทลื่นไหลดีมาก ๆ ไม่เจออาการกระตุกแต่อย่างใด แต่เมื่อลองขยับระดับคุณภาพกราฟิกขึ้นไปเรื่อย ๆ ในช่วงตะลุมบอนหมู่  ศัตรูมาเยอะ ๆ ก็เจอหน่วง ๆ หนืด ๆ บ้าง และถ้าเปิดเฟรมเรทสูง 60FPS ก็จะสัมผัสได้ชัดเจน สรุปคือใช้ค่าตั้งต้นที่ตัวเกมกำหนดให้จะดีที่สุด 

 

สรุปในภาพรวม



Infinix Hot 40 Pro สามารถตั้งค่ากราฟิกของตัวเกมในระดับสูงสุดได้เกือบทุกเกม เมื่อลองทดสอบเกมยอดนิยม ก็ไม่พบอาการหน่วงหรือสะดุดให้เห็น แต่ที่ทางทีมงานแนะนำจริง ๆ ควรเลือกค่าเริ่มต้นที่ตัว Infinix Hot 40 Pro กำหนดให้อย่างเหมาะสม ซึ่งในภาพรวมการเล่นเกมบน Infinix Hot 40 Pro ถือว่าตอบโจทย์ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยคุณภาพ Hardware คุณภาพสูง ผสานระบบ XBOOST เวอร์ชันล่าสุด และ การปรับจูน Firmware ที่สามารถตอบโจทย์การเล่นเกมได้อย่างสมูท แต่ทั้งนี้ตามที่เกริ่นไปในตอนต้น ควรตั้งค่าให้เหมาะสมตามที่ตัวเกมแนะนำ ซึ่งจะสามารถเล่นได้อย่างไหลลื่นไม่เสียอรรถรสอย่างแน่นอน

บทสรุป

Infinix Hot 40 Pro เป็นสมาร์ทโฟนเกมมิ่งที่เปิดตัวในราคาต่ำกว่า 6,000 บาท เมื่อมองในภาพรวมต้องบอกเลยว่าคุ้มสุด ๆ สามารถเล่นเกมพร้อมตั้งค่าในระดับสูง ๆ ได้เกือบทุกเกม และยังมาพร้อมความโดดเด่นทั้งในแง่คุณสมบัติทางด้าน Hardware ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ตตัวแรง Mediatek Helio G99 หน้าจอเรือธง 120Hz FHD+ ขนาดใหญ่เต็มตาถึง 6.78 นิ้ว พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่องขนาดใหญ่ถึง 256GB ผสานด้วยแรม 16GB (8+8GB Extended ram) ลำโพงคู่สเตอริโอพร้อมระบบเสียง DTS รองรับระบบเสียง Hi-Res  มีฮาร์ด-ไจโรสโคป และตัวรับสัญญาณ Metamaterial ที่ช่วยให้การเล่นเกมราบรื่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิยิ่งกว่าที่เคย ใครที่เป็นสายเล่นเกม และกำลังมองหาสาาร์ตโฟนเกมมิ่งตัวจบ ในราคาจับต้องได้ ต้องไม่พลาด Infinix Hot 40 Pro ด้วยประการทั้งครับ



Infinix HOT 40 Pro วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 4 สี โดยประกอบไปด้วย Palm Blue (ฟ้า), Horizon Gold (ทอง), Starlit Black (ดำ), Starfall Green (เขียว) ในราคา 5,799 บาท สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ช่องทางออนไลน์ Shopee, Lazada และ Tiktok Shop และร้านค้าพาร์ทเนอร์ BaNaNa, Jaymart, IT City, TG FONE

Facebook Comments

Related Posts