เมื่อช่วงปลายเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ทางทีมงาน IbelieveIT ได้มีโอกาสรีวิว Sony LinkBuds หูฟัง True Wireless ดีไซน์โดนัทที่ถือว่าฉีกแนวไปจากหูฟัง True Wireless ทั่ว ๆ ไปในท้องตลาด ซึ่งต้องบอกเลยว่านี่คือหูฟังไร้สายที่มาพร้อมดีไซน์อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครอย่างแท้จริง ล่าสุดโซนี่ส่ง LinkBuds S ลงตลาดในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย โดยรอบนี้ตัว LinkBuds S ได้มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ใหม่จากแบบ Open-Air มาเป็นแบบ In-Ear พร้อมรองรับฟีเจอร์เด็ด ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบตัดเสียงรบกวน ANC และเทคโนโลยี LDAC ที่สามารถฟังเพลงคุณภาพระดับ Hi-Res ได้อีกด้วย นอกจากนี้ Sony LinkBuds S ยังมาพร้อมฟีเจอร์แบบอัดแน่นอีกมากมาย
สำหรับความน่าสนใจของหูฟัง True Wireless รุ่นต่อยอดจากรุ่นพี่ LinkBuds จะสามารถตอบโจทย์โดนใจคนที่ชื่นชอบหูฟัง TWS ได้ดีขนาดไหน มาติดตามรับชมรีวิวไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ
สเปกเบื้องต้น Sony LinkBuds S
- หูฟังน้ำหนักประมาณ 4.8 กรัม x 2
- เคสชาร์จน้ำหนักประมาณ 35 กรัม
- ไดรเวอร์ยูนิต 5 มม.
- รองรับการปรับ EQ เสียงได้หลายสไตล์ หลายคาแรคเตอร์เสียง
- รองรับ LDAC Hi-Res ให้ความละเอียดในการฟังเพลงสูง
- ระบบตัดเสียงรบกวน ANC ตัดเสียงบรรยากาศได้เนี๊ยบสมราคา
- ระบบดูดเสียงรอบข้างชัดเจน เนื้อเสียงมีความธรรมชาติ
- รองรับมาตรฐานกันเหงื่อระดับ IPX4 สวมใส่ออกกำลังกายได้
- ไมโครโฟนคุยโทรศัพท์ชัดเจน ตัดเสียงรบกวนดี
- กันน้ำ IPX4
- แบตเตอรี่ เล่นเพลงต่อเนื่องนานสูงสุด 6 ชม. (เปิด ANC) / สูงสุด 9 ชั่วโมง (ปิด ANC) , สนทนาต่อเนื่องนานสูงสุด 3.5 ชม.
- เวลาการชาร์จแบตเตอรี่ ประมาณ 3 ชม. (การชาร์จด้วย USB)
- Bluetooth 5.2
- มี 3 สี ได้แก่ สีเหลืองอมเทา, สีขาว และสีดำ
- ราคา 7,490 บาท
Unboxing แกะกล่อง Sony LinkBuds S
แพ็กเกจจิ้งของ Sony LinkBuds S เป็นกล่องกระดาษมาในโทษสีขาวขนาดกะทัดรัด โดยด้านหน้ากล่องจะโชว์รูปตัวหูฟังพร้อมชื่อแบรนด์ / รุ่น ที่ด้านหลังและด้านข้างกล่องมาพร้อมรายละเอียดชื่อรุ่น, สี, เลขอีมี่, หมายเลขประจำเครื่องและข้อมูลของผู้ผลิต รวมถึงรายละเอียดในการลงทะเบียนรับประกันสินค้า นอกจากนี้ตัวกล่องบรรจุภัณฑ์ของ Sony LinkBuds S จะไม่มีส่วนประกอบที่เป็นพลาสติก ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Sony ในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องมีดังนี้
- หูฟังไร้สาย Sony LinkBuds S
- เคสชาร์จ
- จุกหูฟัง Ear tips (ขนาดเล็ก, กลาง และใหญ่) SS, S, LL
- สายชาร์จ USB Type-C
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ, ใบรับประกันสินค้า, โค้ดในการใช้งาน 360 REALITY AUDIO เพื่อทดลองใช้งานฟรี
รูปลักษณ์ดีไซน์/การออกแบบ
ตัวเคสชาร์จมีการออกแบบที่ยังคงความเป็นมินิมอล สามารถสัมผัสถึงความสวยงามและเรียบง่าย แต่ในภาพรวมดีไซน์จะมีความแตกต่างจาก LinkBuds รุ่นแรก ทั้งโครงสร้างของตัวเคสชาร์จและการออกแบบให้เปิดฝาเคสชาร์จในแนวตั้ง ขณะที่ LinkBuds รุ่นแรกจะเปิดฝาเคสชาร์จในแนวนอน นอกจากนี้ตัวเคสชาร์จและหูฟัง ยังผลิตจากวัสดุพลาสติกรีไซเคิลจากชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของการมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่โซนี่มีความมุ่งมั่นมาโดยตลอด
Sony LinkBuds S มีให้เลือกใช้งาน 3 สี ได้แก่ สีเหลืองอมเทา, สีขาว และสีดำ โดยด้านด้านหน้าจะมีร่องบากเพื่อเปิดฝากล่อง ส่วนด้านหลังจะเป็นพอร์ตชาร์จแบบ Type- C และปุ่ม Pairing สำหรับด้านบนของตัวเคสชาร์จจะมีโลโก้ Sony ในขณะที่ด้านล่างจะบอก OUTPUT – INPUT และความจุของตัวแบตเตอรี่ , ชื่อโมเดล ประเทศที่ผลิตและมาตรฐานการรับรองต่าง ๆ
ด้านหน้าตัวของกล่องชาร์จจะมีไฟ LED (เขียว/ส้ม/น้ำเงิน) ที่ใช้แจ้งเตือนสถานะในการชาร์จและเชื่อมต่อ สำหรับตัวพอร์ตชาร์จเป็นแบบ Type-C ส่วนระบบชาร์จจะเป็นแบบ Pogo pin แบบ 3 Dot พร้อมระบบยึดแบบแม่เหล็ก ช่วยให้การชาร์จเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น แม้จะชาร์จขณะเดินทางก็ตาม
ทั้งนี้ Sony LinkBuds S สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องสูงสุด 20 ชั่วโมง ขณะฟังเพลงและเปิดโหมดการตัดเสียงรบกวน โดยหูฟังทั้ง 2 ข้าง สามารถเล่นเพลงนานต่อเนื่องสูงสุด 6 ชั่วโมง และสามารถชาร์จเพิ่มเติมได้อีก 14 ชั่วโมง ผ่านเคสชาร์จ (หากปิดโหมดตัดเสียงรบกวน หูฟัง Sony LinkBuds S จะสามารถฟังได้นานถึง 9 ชั่วโมง หรือใช้สนทนาได้นานสูงสุด 3.5 ชั่วโมง)
ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม แต่ถ้าต้องการใช้งานด่วน Sony LinkBuds S ก็รองรับเทคโนโลยี Quick Charge โดยใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาที สามารถฟังเพลงแบบต่อเนื่องได้นานถึง 1 ชั่วโมง
หูฟัง Sony LinkBuds S มีขนาดใหญ่กว่ารุ่น LinkBuds รุ่นแรกเพียงเล็กน้อย แต่เล็กกว่ารุ่น WF-C500 ที่มีดีไซน์ในลักษณะเดียวกัน และมีขนาดเล็กกว่า WF-1000XM4 ถึง 40% เรียกได้ว่ามีขนาดกะทัดรัดกำลังพอดี สวมใส่สบายแทบไม่รับรู้ถึงน้ำหนัก เพราะแต่ละข้างเบาเพียง 4.8 กรัม เท่านั้น อีกทั้งยังรองรับฟีเจอร์กันน้ำกันฝุ่นในมาตรฐาน IPX4 สามารถสวมใส่ระหว่างออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเหงื่อ
ด้านในของหูฟังแต่ละข้าง จะระบุตัวอักษร L และ R ไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้สวมใส่ได้ถูกข้าง ใกล้กันเป็นหมุดแม่เหล็กสำหรับยึดเกาะภายในเคสพร้อมชาร์จแบตเตอรี่ และมีเซนเซอร์ Infrared สำหรับตรวจจับการสวมใส่ นอกจากนี้ หูฟังข้างซ้าย (L) จะมี Tactile dot สำหรับผู้ที่มีปัญหาทางสายตา สามารถรับรู้ได้ว่าเป็นหูฟังข้างซ้าย (Tactile dot จะอยู่ที่ด้านล่างของเซนเซอร์ Infrared)
ส่วนด้านหลังของหูฟังทั้ง 2 ข้าง มี Touch sensor เป็นพื้นผิวแบนราบวงกลม ซึ่งใช้ในการควบคุมหูฟังด้วยระบบสัมผัส ถัดลงมาเป็นตำแหน่งของไมโครโฟน
ด้านการสวมใส่
Sony LinkBuds S ออกแบบดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ มอบการสวมใส่ที่กระชับเบาสบายไม่อึดอัด และไม่หลุดร่วงง่าย และยังมาพร้อมจุกยางถึง 4 ขนาด จึงพร้อมตอบทุกโจทย์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไป หรือจะใส่ออกกำลังกายก็ยังไหว อีกทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์การกันน้ำได้ในระดับ IPX4 ที่สามารถป้องกันละอองน้ำจากเหงื่อหรือฝนจากทุกทิศทางได้ ซึ่งสามารถใส่ลุยฝนปรอย ๆ ได้สบาย แต่ไม่แนะนำให้เอาไปจุ่มน้ำ เพราะยังไม่รองรับถึงขั้นนั้น
ในด้านการควบคุม Sony LinkBuds S ผ่าน Touch sensor ของหูฟังข้างซ้าย จะมีรายละเอียดดังนี้
- แตะครั้งเดียว เพื่อสลับระหว่างโหมดตัดเสียงรบกวนกับโหมดฟังเสียงรอบข้าง
- แตะ 2 ครั้ง เพื่อรับหรือวางสาย
- แตะค้างไว้ เพื่อเปิดโหมด Quick Attention (ฟังเสียงรอบข้างแบบชั่วคราว)
ค่าเริ่มต้นในการควบคุม Touch sensor ของหูฟังข้างขวา
- แตะครั้งเดียว เพื่อเล่นหรือหยุดเพลงชั่วคราว
- แตะ 2 ครั้ง เพื่อข้ามไปเล่นเพลงถัดไป
- แตะ 3 ครั้ง เพื่อย้อนกลับไปเพลงก่อนหน้า
- แตะค้างไว้ เพื่อเรียกใช้งานผู้ช่วยเสียง (เช่น Google Assistant)
และยังสามารถแยกการตั้งค่าของหูฟังทั้งสองข้างได้อย่างอิสระผ่านทางตัวแอป Sony | Headphones Connect ได้อีกด้วย
ด้านการเชื่อมต่อ
การใช้งานหูฟัง Sony LinkBuds ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผู้ใช้งานควรดาวน์โหลดแอปฯ Sony | Headphones Connect มาติดตั้งใช้งานร่วมกัน โดยแอปฯ Sony | Headphones Connect รองรับทั้งบน iOS และ Android และอีกหนึ่งจุดเด่นของ Sony LinkBuds ก็คือมาพร้อม Bluetooth 5.2 พร้อมชิปประมวล Sony V1 ที่รองรับการเชื่อมต่อหูฟังทั้ง 2 ข้างเข้ากับสมาร์ตโฟนโดยตรง ซึ่งจะให้ความเสถียรและเชื่อมต่อได้เร็วกว่าแบบเชื่อมต่อหนึ่งข้างกับสมาร์ตโฟน แล้วให้หูฟังเชื่อมต่อกันเอง อีกทั้งยังส่งผลให้มีความหน่วงของเสียงที่ต่ำ ช่วยให้การฟังเพลงได้เต็มอรรถรสยิ่งขึ้น
Sony LinkBuds S รองรับฟีเจอร์ Fast Pair ทำให้การจับคู่หูฟังกับอุปกรณ์ Android™ เป็นเรื่องง่าย เพียงแตะคำแนะนำป๊อปอัพแบบครั้งเดียว ก็จะทำให้ Sony LinkBuds S จับคู่ Bluetooth® กับอุปกรณ์ Android™ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และสามารถค้นหาตำแหน่งที่วางหูฟังไว้ได้อย่างง่ายดายโดยการเปิดเสียงเรียกเข้าหรือตรวจสอบตำแหน่งที่ทราบล่าสุดในสมาร์ตโฟนของผู้ใช้งาน
เชื่อมต่อ PC ได้ง่ายดายด้วย Swift Pair
Swift Pair ทำให้การจับคู่หูฟัง Sony LinkBuds S กับคอมพิวเตอร์ Windows 10 และ 11 รวดเร็วและง่ายดายผ่าน Bluetooth® คำแนะนำการจับคู่ป๊อปอัพจะปรากฏบนอุปกรณ์ Windows 10 / 11 ที่อยู่ใกล้เคียงเมื่อเลือกโหมดการจับคู่
ฟีเจอร์และคุณภาพเสียง
ในหน้าแรกของตัวแอปฯ (Status) จะแจ้งสถานะการเชื่อมต่อ ผ่านระบบ AAC/ DSEE Extreme ระดับแบตเตอรี่ทั้ง 2 ข้างของหูฟังและเคสชาร์จ ส่วนด้านล่างจะแสดงเพลงที่กำลังเล่นอยู่ ณ ปัจจุบัน ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถแตะที่ปุ่มสามขีดตรงมุมขวาบน เพื่อเข้าถึงเมนูต่าง ๆ รวมถึงสามารถสั่งปิดตัวหูฟังผ่านไอคอนที่ด้านบนได้อีกด้วย
ในหน้า Sound จะมีฟีเจอร์ Speak-to-Chat ที่จะช่วยให้ไม่พลาดการสื่อสารกับคนรอบข้าง เมื่อเริ่มการสนทนาในขณะที่กำลังฟังเพลง หูฟังจะหยุดเล่นเพลงอัตโนมัติทันที พร้อมเปิดไมค์ รับเสียงจากภายนอกเข้ามาให้ผู้ใช้งานได้ยินเสียง จึงสามารถพูดคุยกับคู่สนทนาได้อย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องถอดหูฟัง หรือกดปุ่มควบคุมแต่อย่างใด เพียงแค่เอ่ยคำพูดออกมา ฟีเจอร์ Speak-to-Chat ก็จะเริ่มทำงานทันที ด้วยการหยุดเล่นเพลงชั่วคราว เพื่อให้ผู้สวมใส่ได้ยินเสียงรอบข้างอย่างชัดเจน
และเมื่อการสนทนาจบลง เพลงที่ถูกหยุดไว้ก็จะกลับมาเล่นต่อโดยอัตโนมัติ (ถ้าหากต้องการฟังเพลงต่อทันที ให้แตะที่ Touch sensor ข้างใดก็ได้) อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งาน LinkBuds S ต้องมั่นใจว่าฟีเจอร์ Speak-to-Chat เปิดใช้งานอยู่ โดยเข้าไปตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชัน Sony Headphones Connect นอกจากนี้ หูฟัง LinkBuds S ยังมีเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ จึงสามารถหยุดเล่นเพลงทันทีเมื่อถอดหูฟังออกจากหู และเพลงจะกลับมาเล่นอีกครั้ง เมื่อสวมหูฟังกลับเข้าไป
และด้วยฟีเจอร์ Speak-to-Chat กับเทคโนโลยี Precise Voice Pickup ยังช่วยทำให้หูฟัง Sony LinkBuds S สามารถเรียกใช้งานผู้ช่วยเสียง อย่าง Google Assistant ได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
Equalize ที่ผู้ใช้งาน สามารถเลือกการตั้งค่าที่หลากหลายเพื่อให้ตรงกับคุณภาพเสียงและแนวเพลงที่กำลังฟัง รวมถึงสามารถสร้างและบันทึกการตั้งค่ารูปแบบ Equalize ที่ชื่นชอบเพื่อเรียกใช้งานได้อย่างง่ายดาย
เทคโนโลยีเสียง DSEE Extreme ที่ได้รับการต่อยอด และพัฒนามาจาก DSEE HX ในรุ่นก่อนหน้านั้น เป็นการชดเชยรายละเอียดเสียงที่อาจสูญหายไปเมื่อไฟล์เพลงดิจิตอลถูกบีบอัด โดยใช้ EDGE-AI ที่พัฒนาร่วมกับทางโซนี่มิวสิค เข้ามาเป็นเครื่องมือในการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ทำให้คุณภาพเสียงใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด
ในส่วนของ Bluetooth connection Quality ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ 2 แบบ คือต้องการคุณภาพเสียงสูงสุด หรือต้องการการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด
Sony LinkBuds S มาพร้อมฟีเจอร์ Adaptive Sound Control ซึ่งเราสามารถแตะเพื่อเข้าไปตั้งค่ารูปแบบ Adaptive Sound Control โดยจะมีโหมดให้เลือกใช้งานด้วยกัน 4 โหมด ประกอบไปด้วย การใช้งานเมื่อนั่งอยู่กับที่, ขณะเดิน, วิ่ง, หรืออยู่บนรถโดยสาร เพื่อเลือกการคอนโทรลการตัดเสียง (Noise Canceling) ที่เหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ และตั้งค่า Ambient Sound เพื่อเลือกรับเสียงจากภายนอก ซึ่งมีให้เลือกถึง 20 ระดับ
นอกจากนี้ยังอัพเกรดความสามารถในการเชื่อมโยง Location Recognition ที่นอกเหนือจากกิจกรรมที่มีมาให้ 4 โหมด โดยหูฟัง LinkBuds S จะสามารถเรียนรู้ได้ว่าผู้ใช้งานอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่ จากนั้นระบบจะจดจำตำแหน่ง และปรับการตั้งค่าเสียงรอบข้างให้เหมาะกับสถานการณ์นั้น ๆ และเมื่อเวลาผ่านไปความพิเศษของ Adaptive Sound Control จะเรียนรู้ และแนะนำการตั้งค่าเสียงเพลงแบบอัตโนมัติ โดยตรวจจับความเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน พิกัด สภาพเสียงที่แวดล้อม และกิจวัตรประจำวัน
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ถือว่าเป็นจุดขายของ Sony LinkBuds S ก็คือฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน (Noise canceling) นั่นเอง อีกทั้งยังมาพร้อมกับโหมดฟังเสียงรอบข้าง (Ambient Sound Mode) ที่ใช้งานง่ายมาก เพียงแตะ Touch sensor ของหูฟังข้างซ้ายขณะสวมใส่ ก็จะเป็นการเปิดระบบตัวเสียงรบกวนทันที เหมาะสำหรับใช้งานขณะฟังเพลงที่ต้องการได้ยินเสียงเพลงอย่างชัดเจนที่สุด
และถ้าต้องการฟังเพลงไปด้วยขณะเดินทาง สามารถแตะ Touch sensor ของหูฟังข้างซ้ายอีกครั้ง เพื่อเปิด Ambient Sound Mode ซึ่งช่วยให้ผู้สวมใส่ยังได้ยินเสียงรอบข้าง เพื่อความปลอดภัยขณะเดินทาง และสามารถรับฟังเสียงประกาศจากสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน สถานที่รถไฟ หรืออยู่ในศูนย์การค้า รวมถึงระหว่างรอคิวเพื่อเข้ารับบริการต่าง ๆ
นอกจากโหมดฟังเสียงรอบข้าง (Ambient Sound) Sony LinkBuds S ยังมีโหมด Quick Attention มาให้ใช้งานด้วย ซึ่งทำงานแบบเดียวกับโหมด Ambient Sound แต่ใช้เพื่อฟังเสียงรอบข้างแบบชั่วครู่เท่านั้น โดยแตะไปที่ Touch sensor ของหูฟังข้างซ้ายค้างไว้ เสียงเพลงก็จะลดลงทันที พร้อมเปิดรับเสียงจากภายนอก เหมาะสำหรับการเดินทางในยุคปัจจุบัน
Sony LinkBuds S มาพร้อมไดรเวอร์ขนาด 5 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยชิปเซต Sony Integrated Processor V1 ซึ่งเป็นชิปเซตที่ใช้ในหูฟังตัวท็อปอย่าง Sony WH-1000XM4 อีกด้วย
นอกจากนี้ หูฟัง Sony LinkBuds S ยังสนับสนุนไฟล์เสียงความละเอียดสูงแบบไร้สายด้วย LDAC เทคโนโลยีการเข้ารหัสสัญญาณเสียงในอุตสาหกรรมของ Sony ซึ่งสามารถรับส่งข้อมูลได้มากกว่าเสียง Bluetooth ดั้งเดิมถึง 3 เท่า พร้อมรองรับการฟังเพลงระดับ Hi-Res Audio ได้ และยังมีเทคโนโลยี DSEE Extreme ช่วยขยายไฟล์เพลงดิจิทัลแบบเรียลไทม์ เพื่อให้มีคุณภาพเสียงใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด
อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าปรับแต่งเสียง Equalizer ได้จากแอปพลิเคชัน Sony Headphones Connect โดยเลือกการตั้งค่าจาก Preset ที่มาในแอปพลิเคชันอยู่หรือปรับตั้งค่าตามความต้องการเพื่อให้ตรงกับคุณภาพเสียงและแนวเพลงที่ชื่นชอบได้ รวมถึงสามารถสร้างและบันทึกการตั้งค่าเพื่อใช้งานในครั้งต่อไปได้
ดื่มด่ำกับการจำลองเวทีเสียงที่สมจริง
Sony LinkBuds S รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง 360 Reality Audio พร้อมมอบประสบการณ์ดื่มด่ำไปกับเสียงรอบตัว ให้ความสมจริงราวกับอยู่ในคอนเสิร์ตแสดงสดหรือในห้องอัดเสียงของศิลปิน ซึ่งฟีเจอร์ 360 Reality Audio จะทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันที่รองรับเท่านั้น และต้องมีการทำออพติไมซ์วิเคราะห์รูปร่างหูแต่ละข้าง เพื่อปรับแต่งเสียงให้เหมาะสมกับหูผู้ใช้แต่ละบุคคล
ในปัจจุบันมีหลายแอปฯที่รองรับรับ 360 Reality Audio รวมถึงมีเพลงที่รองรับ 360 เยอะขึ้น แน่นอนว่าแอปฯเหล่านี้จะมีค่าบริการรายเดือน แต่ถ้าใครใช้งานอยู่แล้ว ก็ถือว่าคุ้มมาก ๆ เพราะสามารถใช้งานร่วมกับ Sony LinkBuds S ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง
Sony LinkBuds S ได้มีการพัฒนาด้านไมค์โครโฟนมาเป็นอย่างดี จึงตอบโจทย์การสนทนาทางโทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรีได้อย่างลงตัว ซึ่งตัว Sony LinkBuds S ได้มีการติดตั้งไมโครโฟนมีความคมชัด ปราศจากเสียงรบกวน ซึ่งจากการทดสอบใช้งานจริง พบว่าการการสนทนานั้นมีความชัดเจนทั้งต้นสายและปลายสาย
และยังตอบโจทย์ด้านการรับชมวิดีโอได้ดีเยี่ยมไม่แพ้การใช้งานด้านอื่น ๆ โดยการทดสอบครั้งนี้เป็นการรับชมภาพยนตร์ The Dark Knight ซึ่งเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัล Best Sound Editing จาก Academy Award ทำให้สามารถทดสอบคุณภาพหูฟังได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องของการถ่ายทอดเอฟเฟกต์ การแยกทิศทางเสียง ความคมชัดของเสียงพูด และดนตรีประกอบในภาพยนตร์ ทำให้การรับชมภาพยนตร์ผ่านทาง Sony LinkBuds S นั้นครบทุกอรรถรส
ส่วนการทดสอบเล่นเกม โดยทดสอบบนเกม ROV, PUBG, Asphalt 9 เจออาการดีเลย์เล็กน้อย แต่ก็ไม่ทำให้เสียอรรถรส และพบว่าการถ่ายทอดเสียง เอฟเฟกต์ต่าง ๆ นั้นให้ความสมจริง แยกมิติซ้ายขวาได้ค่อนข้างดี ส่วนเสียงต่าง ๆ ภายในเกมมีความคมชัด ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาภายในเกม เสียงลม เสียงจากการเดิน หรือการยิงปืนเป็นต้น
บทสรุป
Sony LinkBuds S เป็นหูฟังแบบไร้สาย True Wireless รุ่นอัพเกรดที่มาพร้อมดีไซน์สวยงาม ในสไตล์มินิมอล และมีการเปลี่ยนรูปแบบจาก Earbuds มาเป็นแบบ In-Ear จึงทำให้รองรับฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน (Noise canceling) และสามารถสลับไปใช้งานฟีเจอร์รับเสียงรอบข้างอย่าง Ambient Sound และ Quick Attention เพื่อความปลอดภัยและความคล่องตัวในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น
ในด้านคุณภาพเสียง แม้จะเป็นหูฟังระดับ Mid-range แต่ก็ให้เสียงที่ใหญ่เกินตัว สามารถตอบโจทย์การฟังเพลงที่ต้องการรายละเอียด รวมถึงเพลงทั่ว ๆ ไปได้ค่อนข้างดี โดยมาพร้อมฟีเจอร์เด่น ๆ มากมาย อาทิ DSEE Extreme ที่ช่วยคืนรายละเอียดให้เพลงที่ถูกบีบอัดกลับมามีคุณภาพเสียงสูงได้ใกล้เคียงกับการบันทึกต้นฉบับ , Equalize ที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกการตั้งค่าที่หลากหลายเพื่อให้ตรงกับคุณภาพเสียงและแนวเพลงที่กำลังฟัง , รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง 360 Reality Audio พร้อมมอบประสบการณ์ดื่มด่ำไปกับเสียงรอบตัว ปิดท้ายกันไปด้วยแบตเตอรี่สุดอึด สามารถใช้งานได้ยาวนานถึงสูงสุดถึง 20 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีระบบ Quick Charge มาให้ใช้งานอีกด้วย
ทั้งนี้ Sony LinkBuds S มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเหลืองอมเทา, สีขาว และสีดำ ในราคาเพียง 7,490 บาท โดยวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ ทุกสาขา, โซนี่ สโตร์ออนไลน์, ร้านโซนี่ เซ็นเตอร์ และร้านตัวแทนจำหน่ายของโซนี่