เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย สำหรับหูฟัง True Wireless รุ่นแรกจากค่าย Vivo ซึ่งต้องบอกเลยว่า แม้จะมาที่หลังเมื่อเทียบกับแบรนด์สมาร์ตโฟนด้วยกัน แต่ความปัง ความจัดเต็มของ Vivo TWS Neo นั้นไม่ทำให้แฟน ๆ ค่าย Vivo รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจผิดหวังอย่างแน่นอน แถมด้วยราคาเปิดตัวเพียง 2,999 บาท ก็น่าจะเป็นหนึ่งในหูฟัง True Wireless ที่ครบครัน คุ้มค่าและสามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ อีกด้วย
สเปคเบื้องต้น Vivo TWS Neo
Unboxing แกะกล่อง
แพ็กเกจมีขนาดกะทัดรัดมาในโทนสีขาวสะอาดตา โดยด้านหน้าโชว์รูปหูฟังให้เห็นเด่นเป็นสง่า ส่วนด้านหลังขับเน้นฟีเจอร์ที่เป็นจุดขายหลักของ Vivo TWS Neo ที่จัดเต็มมาให้แบบไม่มีกั๊ก สำหรับสีที่ทาง IbelieveIT ได้รับมารีวิวในครั้งนี้ก็คือ Starry Blue หรือสีดำน้ำเงินนั่นเอง
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- เคสชาร์จ+ หูฟัง Vivo TWS Neo
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ + ใบรับประกันสินค้า
- สายชาร์จ USB-C
ตัวเคสชาร์จมีดีไซน์โค้งมนแบบ 360 องศา โดดเด่นด้วยโทนสีแบบไล่ระดับด้วยการผสานระหว่างสีดำและสีน้ำเงินอมฟ้าได้อย่างสวยงามตระการตา ในส่วนของด้านหน้าจะมีร่องบากเพื่อให้เปิดใช้งานตัวเคสชาร์จได้อย่างสะดวกคล่องตัวนั่นเอง ถัดลงมาจะพบกับไฟแจ้งเตือนสถานะ , ปุ่มฟังก์ชั่น คีย์ และโลโก้ vivo
ด้านล่างจะมีพอร์ตชาร์จแบบ Type -C ซึ่งเป็นข้อดีที่เชื่อว่าผู้ใช้งานจะชื่นชอบ เพราะสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนในปัจจุบันที่ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับพอร์ต Type -C เป็นมาตรฐานแล้วนั่นเอง
การเช็คระดับแบตเตอรี่ของตัวหูฟังเบื้องต้น เมื่อเปิดเคสชาร์ต หากไฟสีเขียวแสดงขึ้นมา จะมีระดับแบตเตอรี่ที่มากกว่า 50% หากเป็นสีแดง จะมีระดับแบตเตอรี่ต่ำกว่า 50% (บนสมาร์ตโฟน Vivo สามารถดูระดับแบตเตอรี่อย่างละเอียดได้ที่การตั้งค่า / บลูทูธ)
ส่วนระบบชาร์จจะเป็นแบบ Pogo pin แบบ 3 Dot พร้อมระบบยึดแบบแม่เหล็ก ช่วยให้การชาร์จเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบลื่น แม้จะชาร์จขณะเดินทางก็ตาม โดยเมื่อทำการชาร์จไฟให้กับตัวกล่องเคสชาร์จ ไฟแจ้งเตือนจะเป็นสีแดง และจะดับไปเมื่อชาร์จเต็ม
สำหรับการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตัวหูฟังจะใช้งานได้ราว ๆ 4.5 ชั่วโมง และเมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จจะสามารถใช้งานได้ยาวนานสูงถึง 22.5 ชั่วโมงเลยทีเดียว ช่วยให้ฟังการเพลง ดูหนัง เล่นเกมได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งาน 1 วันโดยไม่ต้องชาร์จไฟอย่างแน่นอน
รูปลักษณ์ดีไซน์/การออกแบบ
Vivo TWS Neo มาพร้อมดีไซน์ Open-fit ในรูปทรงทันสมัย สวยงามกะทัดรัด และมีน้ำหนักเบาเพียง 4.7 กรัมเท่านั้น โดยตัวหูฟังเป็นแบบ Half in-ear ที่ออกแบบให้มีตัวก้านและปลอกเสียบรูหูและใบหูตามหลักสรีระศาสตร์ จึงให้การสวมใส่ที่กระชับและรู้สึกเบาสบายเสมือนไม่ได้ใส่ และจากการทดสอบใช้งานจริงแม้จะสวมใส่เป็นเวลานาน ๆ ก็ไม่เกิดอาการล้าหูแต่อย่างใด
หนึ่งในจุดเด่นที่เป็นไฮไลท์หลักของ Vivo TWS Neo ก็คือการมาพร้อมไดร์เวอร์ไดนามิกขนาดใหญ่ถึง 14.2mm ที่ต้องบอกเลยว่าใหญ่กว่าคู่แข่งในท้องตลาด ซึ่งเราจะเห็นว่าบางแบรนด์มีขนาดไดร์เวอร์เพียง 7-8 มม. หรืออย่างใหญ่ที่สุดก็ประมาณ 10 มม. แถมคุณสมบัติทางด้าน Hardware ของ Vivo TWS Neo ยังมีความโดดเด่นด้วย Diaphragm แบบ Bio-fiber Composite และขดลวดทองแดง Daikoku คุณภาพดี จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งช่วยให้การถ่ายทอดเสียงออกมามีความเที่ยงตรงแม่นยำ ให้เสียงที่คมชัด นุ่มนวล ตอบสนองได้ดีในทุกย่านเสียง
ในส่วนของฟีเจอร์ต้องบอกว่าจัดเต็มมาก ๆ ทั้งกันน้ำกันฝุ่นในมารตฐาน IP54 สามารถใส่ลุยฝนปรอย ๆ ได้สบาย แต่ไม่แนะนำให้เอาไปจุ่มน้ำ เพราะยังไม่รองรับถึงขั้นนั้น สำหรับตัวหูฟัง Vivo TWS Neo มาพร้อมไมโครโฟนคู่และระบบตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ AI Noise Cancelling ในการลดเสียงรบกวน ช่วยให้การสนทนาสายมีความคมชัดในทุกสภาพแวดล้อม
และสิ่งที่ชอบอีกอย่างก็คือ Vivo TWS Neo มาพร้อมเซ็นเซอร์จะตรวจจับการใช้งาน โดยถ้าเราดึงหูฟังออกจากหู เพลงจะหยุดเล่นทันที และเมื่อสวมใส่กลับเข้าไปก็จะเริ่มเล่นเพลงให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยในด้านการประหยัดพลังได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ที่ด้านหลังของหูฟังจะมี Auxiliary microphone หรือไมค์ตัวที่สอง ซึ่งช่วยในการตัดเสียงรบกวนของหูฟังนั่นเอง
ส่วนด้านล่างของปลายก้านหูฟังจะมีพินชาร์จและ ไมโครโฟนหลักสำหรับใช้ในการสนทนา
ปลายก้านด้านในจะสกรีนบอกฝั่งซ้าย/ขวาของตัวหูฟัง
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Vivo TWS Neo
-
Vivo TWS Neo มีค่าความหน่วงต่ำ 88ms ซึ่งเกิดจากการเลือกใช้ ลำโพงไดนามิกแบบพิเศษ รวมถึงการใช้ Flexible Printed Circuit ที่ให้เสียงคมชัด สมจริง จนมีค่าความหน่วงต่ำถึง 88ms ซึ่งจะพบได้ในอุปกรณ์สเตอริโอระดับไฮเอนด์ รวมถึงการออกแบบวงจรแม่เหล็กแบบคอมโพสิต ไดอะแฟรมคอมโพสติที่ทำจากโดมไททาเนียม และการหุ้มด้วยแมกนาเลีย ทำให้หูฟังมีคุณภาพเสียงดี ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกย่านความถี่
- มาพร้อม เทคโนโลยี DeepX Stereo Sound Effects ซึ่งที่ผ่านมา Vivo เป็นแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญในด้านคุณภาพเสียงมาหลายปีพร้อมทั้งคิดค้นและพัฒนา เทคโนโลยี DeepX โดยใช้หลักการสร้างเสียงแบบ Deep Field ที่ให้ความคมชัดทุกย่านเสียง โดยการเพิ่มความถี่เสียงของผู้ใช้งาน ตั้งแค่คลื่นความถี่ 1000-3000Hz พร้อมให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสกับเสียงที่สมบูรณ์แบบ
-
เทคโนโลยีคุณภาพเสียง aptX มาตราฐาน CD Audio เทคโนโลยีการเข้ารหัสเสียงนี้เก็บรักษาข้อมูลเสียงได้มากกว่าหูฟังไร้สายแบบเดิมถึง 1.5 เท่า เก็บรายละเอียดได้ดีเยี่ยมที่สุด และได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเสียงของเนื้อหามาตรฐานเช่นเดียวกับเพลงคุณภาพสูง
- Vivo TWS Neo มาพร้อมกับเทคโนโลยี Bluetooth 5.2 ให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว มีเสถียรภาพและครอบคลุมการใช้งานได้กว้างแม้จะอยู่ในระยะห่างไกลถึง10 เมตรก็ตาม
- สแตนด์บายได้ยาวนานถึง 22.5 ชั่วโมง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ ช่วยให้ฟังการเพลง ดูหนัง เล่นเกมได้อย่างต่อเนื่องยาวนานไร้การสะดุด
- เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ก็ปรับระดับเสียงได้
ไม่ว่าจะเปลี่ยนเพลง รับสาย หรือปรับระดับเสียง ก็ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยการสัมผัสที่หูฟังเบา ๆ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานหูฟังเพื่อใช้งานคำสั่งต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ตามต้องการ เพื่ออิสระในการใช้งานที่มากขึ้น
โดยหูฟัง Vivo TWS Neo รองรับระบบสัมผัส Touch Control on Both Earbuds โดยรองรับการสั่งงานผ่านระบบสัมผัสได้ทั้ง 2 ข้าง ช่วยให้การใช้งานมีความสะดวกคล่องตัวที่ดีมาก ๆ
รูปแบบการใช้งานบนพื้นที่ Touch control
การใช้งานด้านโทรศัพท์ (แตะที่ด้านบนของตัวหูฟัง)
แตะ 1 ครั้ง : รับสายโทรศัพท์
แตะ 2 ครั้ง : วางโทรศัพท์
แตะค้าง 1.5 วินาที : ปฏิเสธสายหรือตัดสาย
แตะค้าง 3 วินาที : พักสาย
สไสลด์ขึ้นลงที่ก้านหูฟัง : ปรับระดับเสียง
การใช้งานด้านฟังเพลง (แตะที่ด้านบนของตัวหูฟัง)
แตะ 2 ครั้ง เล่นเพลง/หยุดเพลง/ (ค่าเริ่มต้นจากโรงงาน )
สไสลด์ขึ้นลงที่ก้านหูฟัง : ปรับระดับเสียง
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกตั้งค่าการคอนโทรลหูฟังทั้งข้างซ้ายและขวาได้ที่เมนูการตั้งค่าบลูทูธ (เฉพาะบนสมาร์ตโฟน Vivo) โดยเลือกได้ว่าเมื่อแตะ 2 ครั้ง จะเป็นการเรียกใช้งานผู้ช่วยเสียง ( Jovi /Google Assistant), เล่น/หยุดเพลง, เล่นเพลงก่อนหน้า, เล่นเพลงถัดไป, ไม่มี
Tips งานใช้งาน
เนื่องจาก Vivo TWS Neo มาพร้อมเซ็นเซอร์จะตรวจจับการใช้งาน โดยถ้าเราดึงหูฟังออกจากหู เพลงจะหยุดทันที และเมื่อสวมใส่กลับเข้าไปก็จะเริ่มเล่นเพลงให้โดยอัตโนมัติ จึงไม่จำเป็นต้องตั้งค่าให้ “เล่น/หยุดเพลง” เพลงก็ได้
- นอกจากนี้ Vivo TWS Neo ยังมีเอฟเฟ็กต์เสียงมาให้ใช้งานถึง 3 รูปแบบ ได้แก่
- เสียงชัด
- เบสหนัก
- เสียงสูงคมชัด
ซึ่งเอฟเฟ็กต์เสียงจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงได้ตรงไลฟสไตล์ของผู้ใช้งานขึ้นไปอีกขั้น
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ความสามารถของ Vivo TWS Neo ยังทำอะไรได้มากกว่าฟังเพลง โดย Vivo TWS Neo รองรับการปลดล็อคแบบอัจฉริยะ สามารถใช้หูฟังเพื่อปลดล็อคหน้าจอสมาร์ตโฟนได้อีกรูปแบบหนึ่งด้วย
- ฟีเจอร์ Find My TWS Neo
ฟีเจอร์ TWS Earphone Neo จะช่วยค้นหาหูฟังอีกข้างที่หายไป โดยจะค้นหาจากการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ พร้อมทั้งยังสามารถบอกพิกัดแสดงตำแหน่งที่ทำหล่นหาย เพื่อให้ผู้ใช้งานค้นหาได้อย่างง่ายดายนั่นเอง
การเชื่อมต่อหูฟัง Vivo TWS Neo กับสมาร์ตโฟน
การเชื่อมต่อหูฟัง Vivo TWS Neo มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ถ้าเป็นการเชื่อมต่อครั้งแรก ให้เปิดฝาเคสชาร์จ แล้วกดปุ่ม “ฟังก์ชั่น คีย์” ค้างไว้ 2 วินาที จนไฟสีขาวกระพริบต่อเนื่อง จากนั้นเข้าไปที่การตั้งค่า / บลูทูธ บนสมาร์ตโฟน มองหาชื่อ vivo TWS Neo จากนั้นแตะเพื่อทำการเชื่อมต่อได้เลย ส่วนการใช้งานครั้งต่อ ๆ ไป ตัวหูฟังก็จะเชื่อมต่อกับสวมาร์ตโฟนให้โดยอัตโนมัติ
ทดสอบคุณภาพเสียง
คาแรคเตอร์เสียงของหูฟัง Vivo TWS Neo ในภาพรวมจะเด่นในเรื่องกำลังขับและความคมชัด ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของของไดรเวอร์ขนาด 14.2mm และขดลวดทองแดง Daikoku คุณภาพดี จากประเทศญี่ปุ่น ผสานกับการออกแบบวงจรแม่เหล็กแบบคอมโพสิต ไดอะแฟรมคอมโพสติที่ทำจากโดมไททาเนียม และการหุ้มด้วยแมกนาเลีย จึงให้เสียงที่เป็นธรรมชาติ และเบสอันทรงพลัง มอบประสบการณ์การฟังเพลงในระดับ CD Audio
สำหรับย่านเสียงต่ำ ทดสอบด้วยเพลง Boom Boom Pow ของ The Black Eyed Peas ตั้งแต่จบอินโทรก็สัมผัสได้ถึงมวลเบสที่มีพลัง แต่ไม่กระแทกกระทั้นจนไปกลบย่านเสียงอื่น เป็นเบสที่ลงได้ค่อนข้างลึก มีอิมแพคที่ดี เก็บตัวกระชับ เหมาะกับการฟังเพลงที่มีจังหวะสนุกสนานได้อย่างลงตัว
เมื่อลองทดสอบย่านเสียงกลางด้วยเพลง Ready for the Times to get better เวอร์ชั่น Crystal Gayle เสียงนักร้องให้ความหวานอิ่ม มีมิติเสียงที่ชัดเจน หัวโน๊ตคมชัด สามารถถ่ายทอดเนื้อเสียงออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ถ้าเพลงไหนที่เน้นในส่วนของ Voice เราจะสัมผัสได้ถึงพลังเสียงของนักร้อง ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีพลัง อีกทั้งยังเก็บรายละเอียดได้อย่างชัดเจนครบถ้วน แม้กระทั้งเสียงดึงอากาศก่อนที่จะเปลี่ยนท่อนร้องของตัวนักร้องก็ยังให้ดีเทลที่แจ่มชัดมาก ๆ
ส่วนย่านเสียงสูง ทดสอบด้วยเพลง Sweet Talks in The Dream ที่ขับร้องโดย Tong Li ในเพลงนี้จะมีทั้งเครื่องสาย และเสียงนักร้องที่มีปลายเสียงสูง พบว่าปลายเสียงนั้น มีความกังวาลใส พร้อมควบคุมโทนได้ค่อนข้างดีมาก ทำให้ไม่แหลมบาดระคายหู จึงฟังนาน ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่รู้สึกล้าหูแต่อย่างใด
สรุปในภาพรวม ตัวไดร์เวอร์ขนาดใหญ่และเทคโนโลยี Deep X นั้นให้คุณภาพเสียงคมชัดสมจริง มีความเป็นโอเวอร์ออล ซึ่งต้องบอกเลยว่านี่คือความลงตัวของคนรักเสียงเพลงอย่างแท้จริง เพราะคุณภาพเสียงนั้นกลมกล่อมมาก ๆ สามารถตอบโจทย์คอเพลงได้ทุกแนวอย่างแน่นอน และเมื่อเทียบกับหูฟังจากแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนด้วยกันแล้ว Vivo TWS Neo ทำผลงานได้ดีกว่าแบบสัมผัสได้ชัดเจน
ไม่ได้เด่นเฉพาะการฟังเพลงเพียงอย่างเดียว Vivo TWS Neo ยังตอบโจทย์ด้านการรับชมวีดีโอได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยการทดสอบครั้งนี้ เป็นการรับชมภาพยนต์เรื่อง American Sniper บน Netflix ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้รับรางวัล Best Sound Editing จาก Academy Award โดยมีการบันทึกเสียงที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถนำมาทดสอบคุณภาพหูฟังได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องของการถ่ายทอดเอฟเฟกต์เสียง การเข้าถึงอารมณ์ ความตรึงเครียดของสถานการณ์ การแยกมิติ ซ้ายขวาของตัวหูฟังผ่านการยิงปืน ที่จะมอบประสบการณ์เสมือนผู้ชมได้เข้าไปอยู่ในเหตุการนั้นจริง ๆ ซึ่ง Vivo TWS Neo นั้นไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะ Hardware นั้นจัดเต็มอยู่แล้ว แถมยังมีความหน่วงต่ำหน่วงต่ำถึง 88ms จึงส่งผลให้การรับชมภาพยนตร์ผ่านทาง Vivo TWS Neo นั้นเติมเต็มครบทุกอรรถรส และไม่พบอาการดีเลย์อีกด้วย (ทดสอบร่วมกับดีไวซ์ที่รองรับ Bluetooth® 5.0 )
และแน่นอนว่ายุคนี้การเล่นเกมไม่ใช่เพื่อความบันเทิงอีกต่อไป แต่ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวงการกีฬา e-Sports เป็นที่เรียบร้อย ฉะนั้นเรื่อง Latency จึงกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะในการเล่นเกมได้อีกด้วย ซึ่งการที่ Vivo TWS Neo เลือกใช้คุณภาพ Hardware ระดับไฮเอนด์ พร้อมผสานด้วย Software อันโดดเด่น และมีความหน่วงต่ำเพียง 88ms จึงส่งผลให้ Vivo TWS Neo กลายเป็นหูฟัง True Wireless ที่พร้อมตอบโจทย์การเล่นเกมได้อย่างลงตัวเป็นที่สุดของยุคนี้
จากการทดสอบร่วมกับเกม ROV, PUBG, Asphalt 9 ไม่เจออาการดีเลย์ (ทดสอบร่วมกับดีไวซ์ที่รองรับ Bluetooth® 5.0 ) และพบว่าการถ่ายทอดเสียง เอฟเฟกต์ต่าง ๆ นั้นให้ความสมจริง แยกมิติซ้ายขวาได้ค่อนข้างดี ส่วนเสียงต่าง ๆ ภายในเกมมีความคมชัด ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาภายในเกม เสียงลม เสียงจากการเดิน การยิงปืนเป็นต้น
ทดสอบการใช้งาน Bluetooth headset
ปิดท้ายกันไปด้วยการทดสอบ Bluetooth headset หรือการใช้งานด้านโทรศัพท์นั่นเอง โดย Vivo TWS Neo มาพร้อมไมโครโฟนในตัว สามารถใช้แฮนด์ฟรีในแบบสเตอริโอ หรือจะใช้งานในรูปแบบ Mono ด้วยหูฟังเพียงข้างเดียวก็ได้เช่นกัน
สำหรับในด้านความคมชัดนั้น อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ หากเป็นการใช้งานในสภาพแวดล้อมปรกติ ปลายสายทั้งสองฝั่งได้ยินเสียงสนทนาที่ชัดเจน และไม่มีอาการดีเลย์ให้เห็น เมื่อลองทดสอบใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างเสียงดัง ตัว AI Noise Canceling ก็เข้ามาช่วยชดเชยข้อบกพร่องตรงนี้ได้ดีพอสมควร เพราะถึงแม้ว่าในภาพรวม จะมีเสียง Ambient จากสิ่งรอบ ๆ ตัวให้ได้ยินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ส่งผลในแง่ของการได้ยิน โดยต้นสายและปลายสายยังสามารถสนทนาได้อย่างคมชัด เรียกว่าทำผลงานได้ดีสมราคาค่าตัวเลยทีเดียว
สรุป Vivo TWS Neo
แม้จะมาที่หลัง แต่ Vivo TWS Neo นั้นทำผลงานได้เกินหน้าเกินตาหูฟังจากค่ายสมาร์ตโฟนด้วยกันอย่างเห็นได้ชัดเจน ทั้งเรื่องดีไซน์สวยงามทันสมัย พร้อมมอบการสวมใส่ที่เบาสบายจนสามารถใช้งานได้ยาวนานโดยไม่เกิดอาการล้าหูอีกด้วย
แน่นอนว่าไฮไลท์หลักคือความสามารถในการปรับระดับเสียงได้โดยตรงจากหูฟัง ซึ่งยังไม่มีหูฟังจากแบรนด์สมาร์ตโฟนค่ายไหนทำได้มาก่อน แถมยังมาพร้อมไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 14.2mm ที่ส่งผลในแง่คุณภาพเสียงตั้งต้นในระดับ Hardware ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ก็เหมือนกล้องบนสมาร์ตโฟนที่วัดกันด้วยขนาดความใหญ่ของ Pixel Size โดยไม่เกี่ยวกับความละเอียดสูง ๆ นั่นเอง
นอกจากนี้ Vivo TWS Neo ยังมาพร้อมฟีเจอร์จัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียง DeepX Stereo Sound Effects และเทคโนโลยี aptX ที่ให้คุณภาพเสียงในระดับมาตราฐาน CD Audio จึงช่วยให้การถ่ายทอดเสียงออกมามีความคมชัด ตอบสนองได้ดีในทุกย่านความถี่ เมื่อผสานกับเทคโนโลยี Bluetooth 5.2 ที่เชื่อมต่อได้เร็ว เสถียร และมีความหน่วงต่ำถึง 88ms จึงตอบโจทย์การใช้งานได้ดีทั้งฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม ส่วนด้านการโทรศัพท์ ก็มีระบบตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ AI Noise Cancelling ที่ช่วยให้การสนทนาสายมีความคมชัดในทุกสภาพแวดล้อม เมื่อรวมกับแบตเตอรี่สุดอึดใช้งานได้ยาวนานถึง 22.5 ชั่วโมง สิ่งเหล่านี้ จึงเป็น Pain Point สำคัญในการเลือกหูฟัง True Wireless ที่ไม่ได้เสียงดีเพียงอย่างเดียว แต่นี่คือความลงตัวของคนรักเสียงเพลง และมีฟีเจอร์จัดเต็มพร้อมตอบทุกโจทย์การใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนได้อย่างลงตัว
หูฟังไร้สาย Vivo TWS Neo วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2563 ในราคาเพียง 2,999 บาท วางจำหน่ายทั้งหมด 2 สี starry blue (ดำน้ำเงิน) และสี Moonlight white (ขาว) สามารถสัมผัสประสบการณ์พิเศษและจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ