vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลก พร้อมส่ง vivo V30e 5G น้องใหม่ล่าสุดของ V Series เข้ามาทำตลาดในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยยังมาพร้อมความโดดเด่นในด้านการถ่ายภาพบุคคลด้วย Aura Light Portrait 3.0 ซึ่งช่วยเพิ่มมิติให้กับภาพถ่ายบุคคลให้โดดเด่น เก็บภาพทุกช่วงเวลาได้อย่างมีชีวิตชีวา สมกับสโลแกน ช็อตเดียวก็ปัง (Shine Like One Shot) นอกจากนี้ vivo V30e 5G ยังมาพร้อม 2 สีใหม่ ภายใต้ดีไซน์พรีเมี่ยม บางเบา จับได้ถนัดมือ ให้ความรู้สึกที่หรูหราและไม่เหมือนใคร ด้วยเทคโนโลยีการผลิตอันล้ำสมัย ใครที่เคยประทับใจกับ vivo V30 5G มาก่อน รับประกันได้เลยว่า vivo V30e 5G จะส่งมอบประสบการณ์ การถ่ายภาพถ่ายบุคคลที่โดดเด่นไว้อย่างเหนี่ยวแน่น ในขณะที่เปิดตัวด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม
สเปคเบื้องต้น vivo V30e 5G
ขนาด | Cloud White: 164.36 × 74.75 × 7.65 มม. Coco Brown: 164.36 × 74.75 × 7.75 มม. |
น้ำหนัก | 179 กรัม (Cloud White), 188 กรัม (Coco Brown) |
หน้าจอแสดงผล | หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว (2400 x 1080), รองรับ Refresh Rate 120Hz ความสว่างสูงสุด 1300nits |
หน่วยประมวลผล | ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon® 6 Gen 1 |
RAM | 8GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 256GB |
microSD Card | รองรับ สูงสุด 1TB |
ระบบปฏิบัติการ | Funtouch 14 บนพื้นฐานของ Android 14 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 2.4GHz, 5GHz บลูทูธ 5.1 support A2DP, LE, OTG, GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS |
กล้องถ่ายภาพ |
กล้องหลัง: 2 เลนส์ AI Dual Camera
——————————————————- |
รองรับระบบ |
รองรับการทำงาน Dual-SIM 2 ซิมการ์ด Dual SIM and Dual Standby
|
แบตเตอรี่ | 5500mAh รองรับชาร์จไว vivo FlashCharge 44W |
สี | สีที่วางจำหน่ายในไทย Cloud White (คลาวด์ไวท์), Coco Brown (โคโค่ บราวน์) |
ราคา |
|
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่อง Packaging ของ vivo V30e 5G ยังคงมาในสไตล์ของรุ่นพี่ vivo V30 5G ซึ่งขับเน้นจุดขายด้วยรูปวงแหวน Aura Light Portrait ขนาดใหญ่ล้อมรอบชื่อรุ่นที่ด้านหน้ากล่อง เพื่อสื่อถึงการอัปเกรดคุณสมบัติใหม่ ๆ ของ Aura Light Portrait 3.0 นั่นเอง
ด้านข้างกล่องจะมีการระบุชื่อรุ่นและความจุของ ROM/RAM ส่วนด้านหลังกล่องจะพิมพ์บอกรายละเอียดทั้งในส่วนของชื่อรุ่น สี หมายเลขอีมี่และรายละเอียดของผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย นอกจากนี้ vivo ยังได้จับมือกับยูฟ่าเพื่อสร้างช่วงเวลาอันน่าจดจำให้กับแฟน ๆ ในรายการ UEFA EURO 2024™ ที่กำลังจะมาถึงในเดือนนี้ โดย vivo V30e 5G จะเป็น OFFICIAL SMARTPHONE ในการสนับสนุนและเป็นพาร์ทเนอร์ในกิจกรรมที่จะสร้างโมเมนต์อันน่าประทับในการแข่งขันศึกยูฟ่า ยูโร 2024™ กับแฟนฟุตบอลทั่วโลก
ตัวฟิล์มกันรอยจะมีการติดมาให้เรียบร้อยตั้งแต่โรงงาน สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องจะมีดังนี้
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟ OUTPUT OUTPUT 5V-3A / 9V-2A / 11V-4A (Max) รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว vivo FlashCharge 44W
- สายดาต้าลิงค์แบบ USB Type-C to Type-C
- Soft Case TPU แบบใส
- อุปกรณ์เปิดถาด SIM Card
- ใบรับประกัน, และคู่มือการใช้งานฉบับย่อ
รูปลักษณ์ดีไซน์การออกแบบ
vivo V30e 5G ยังคงสืบทอด DNA ของรุ่นพี่ V30 5G ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยว เพรียวบาง โดยมาพร้อมหน้าจอ 3D Curved Screen ที่บางเฉียบ โดยตัวบอดี้มีความบางเพียง 7.65 มม. และน้ำหนักเพียง 179 กรัม (สำหรับสี Cloud White) มาพร้อมหน้าจอโค้งดีไซน์สวยงามให้สัมผัสที่บางและเบา ในภาพรวม vivo V30e 5G มีความหรูหราด้วยดีไซน์โค้งมน บนโครงสร้างที่บางเบาสวยงามแบบมีระดับ ผสานด้วยวัสดุพรีเมียมและขอบเฟรมอะลูมิเนียมแบบชิ้นเดียวที่มอบความรู้สึกหรูหราพรีเมียมให้กับผู้ใช้งานตั้งแต่แรกสัมผัส
นอกจากนี้ vivo V30e 5G ยังเปิดตัวด้วย 2 สีใหม่ล่าสุด ที่พร้อมส่งมอบความสง่างามสู่อีกระดับของ V Series โดยมาด้วยกัน 2 สี ประกอบด้วย
Cloud White
สำหรับสีขาว Cloud White จะผ่านกระบวนการผลิตที่ให้ลวดลายเหมือนก้อนเมฆ ซึ่งถูกใช้เป็นครั้งแรกของ V Series โดยเมื่อขยับเครื่องจะเผยให้เห็นลวดลายหลากสีหลายมุม คล้ายแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านกลุ่มก้อนเมฆสีขาว ให้ความรู้สึกสะอาดสบายตา
Coco Brown
สีน้ำตาล Coco Brown ได้รับแรงบันดาลใจจากสีสันคลาสสิกของเสื้อผ้าและนาฬิกาหรู จนออกมาเป็นดีไซน์โดดเด่นด้วยกระบวนผลิตที่ประสานผิวสัมผัสด้านและแบบมันเงาเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้เกิดเฉดสีไล่ระดับและลวดลายสก๊อตอันละเอียดอ่อน สะท้อนถึงรสนิยมของผู้ใช้งานที่ชื่นชอบความพรีเมียม
นอกจากนี้ vivo V30e 5G ยังมีความทนทานสูงพร้อมตอบโจทย์ทุกความท้าทายในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์กันน้าและฝุ่นระดับ IP64 พร้อมระบบ Wet-Hand Touch ที่สามารถทัชหน้าจอได้แม้เปียก ผสานด้วยโครงสร้างกันกระแทกรอบตัวเครื่อง และกระจกครอบ SCHOTT Xensation® สาหรับหน้าจอ ซึ่งผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดกว่า 70 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น การตก การเหวี่ยง หรือการทดสอบอุณหภูมิ เพื่อยืนยันในคุณภาพ ฯลฯ
ดีไซน์ในภาพรวม
ด้านบนจะมีไมค์ตัดเสียงรบกวนและทำหน้าที่ในการบันทึกเสียงอีกด้วย ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ช่องถาดซิมการ์ด, ไมค์สนทนา, พอร์ต Type-C, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์ ส่วนฝั่งซ้ายของตัวเครื่องจะเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใด ๆ
สำหรับตัวถาดซิมของ vivo V30e 5G จะเป็นแบบ Hybrid Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบนาโนซิม หรือเลือกใช้งาน 1 ซิมการ์ดร่วมกับ MicroSD Card โดยรองรับหน่วยความจำภายนอกชนิด MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 1TB
หน้าจอที่พิเศษสุดสำหรับ vivo V Series
vivo V30e 5G มาพร้อมจอแสดงผล Curved แบบโค้ง 3D ขนาด 6.78 นิ้วขนาดใหญ่เต็มตาบนพาเนล AMOLED ให้สีสัน สดใส คมชัดสมจริงในระดับ 1.07 พันล้านสี อีกทั้งยังมีจุดเด่นด้วย Flexible Screen COP ที่มีขอบดำที่เล็กและมีความบางกว่าสมาร์ตโฟนจอโค้งทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้ vivo V30e 5G ยังออกแบบให้รูกล้องมีขนาดเล็ก จึงให้พื้นที่หน้าจอแสดงผลที่กว้างมากขึ้นอีกด้วย
ตัวลำโพงสนทนาจะมีขนาดเล็กและจัดวางอยู่ในขอบของตัวเครื่องซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่แสดงผลได้อีกทางหนึ่งด้วย สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่ออกแบบให้มีขนาดเล็ก โดยจัดวางเลย์เอาท์ไว้อยู่ตรงกลางของจอแสดงผล ซึ่งจากการใช้งานจริงให้ความรู้สึกกลมกลืนไม่รบกวนสายตา แต่ยังคงให้คุณภาพมาแบบเต็มเปี่ยม ด้วยความละเอียดของกล้องหน้าที่สูงถึง 32MP พร้อมฟีเจอร์แบบอัดแน่น ที่ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ได้สวยงามในทุกสภาพแสงและทุกสถานการณ์
Aura Light Portrait 3.0 ช็อตเดียวก็ปัง ทั้งกลางวันและกลางคืน
vivo V30e 5G มาพร้อมกล้อง Ultra HD 50 ล้านพิกเซล มอบภาพถ่ายคมชัด เก็บครบทุกรายละเอียด โดยตัวกล้องหลักได้รับการอัปเกรดด้วยเซนเซอร์ Sony IMX882 เพื่อเพิ่มการรับแสงที่ผสมผสานกับจำนวนพิกเซลที่สูงเป็นพิเศษเพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่มีรายละเอียดคมชัด ซึ่ง เซนเซอร์ Sony IMX882 จะมีความไวต่อแสงที่เพิ่มขึ้นถึง 30% (เมื่อเทียบจากรุ่นก่อนหน้า) อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีรวมพิกเซลแบบ 4-in-1 ที่ช่วยเพิ่มการรับแสงและสร้างพิกเซลขนาดใหญ่ 1.6 μm เพื่อให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สว่าง สดใสยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ vivo V30e 5G ยังมีความโดดเด่นด้วยโมดูลกล้องแบบ ‘หน้าปัดนาฬิกา’หรือ “Time Messenger“ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิการะดับไฮเอนด์
Aura Light Portrait 3.0
• แสงออร่าใหม่
นุ่มนวลขึ้น ควบคู่ไปกับความสว่างที่เหมาะสม ช่วยให้ใบหน้าสว่าง ละมุนเป็นธรรมชาติ (ขนาดออร่าใหญ่ขึ้น 9 เท่า ↑ แสงออร่านุ่มนวลขึ้น 45เท่า ↑)
• AI Powered Photography
ระบบ AI อัจฉริยะ ช่วยแนะนาการเปิดใช้ออร่าตามสภาพแวดล้อมการถ่ายภาพ
• Far / Near Lighting
ตรวจจับระยะห่างแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณได้แสงออร่าที่สว่างอย่างเหมาะสมสาหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตในระยะใกล้และไกล
• Smart Color Temperature Adjustment
ปรับโทนแสงออร่าให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอย่างอัจฉริยะ ไม่ว่าจะแสงโทนอุ่นหรือโทนเย็นช่วยให้ภาพพอร์ตเทรตดูสว่างและคมชัดอย่างธรรมชาติ
ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่น vivo V30e 5G
vivo V30e 5G ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Qualcomm Snapdragon® 6 Gen 1 บนสถาปัตยกรรม 4nm มอบสัมผัสประสบการณ์การเพิ่มประสิทธิภาพที่ให้ความเร็วในการประมวลผลที่สูงขึ้นในขณะที่ใช้พลังงานน้อยลง โดยมีประสิทธิภาพ CPU ที่แรงขึ้นกว่าเดิม 25% ส่วน GPU แรงกว่าเดิม 30% และยังรองรับการดาวน์โหลดสูงสุด 5G ที่ความเร็ว 2.9 Gbps
ในส่วนของตัวชิปเซตได้คะแนนทดสอบจาก AnTuTu ไปกว่า 500,000 คะแนนเลยทีเดียว
เมื่อมองในภาพรวม vivo V30e 5G ถือว่าตอบโจทย์ได้ครบครัน ทั้งการรองรับ 5G แบบ SA ผสานด้วยจอคุณภาพสูง มอบประสบการณ์ด้านความบันเทิงได้ดีเยี่ยม เรียกว่ายังคงสืบทอด DNA ความเป็น V Series ที่เด่นแบบรอบด้านได้เหมือนเช่นเคย
8GB+8GB Extended RAM 3.0
vivo V30e 5G มาพร้อมเทคโนโลยี Extended RAM 3.0 ในแบบ 8GB+8GB ซึ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ส่งผลให้สามารถใช้งาน RAM สูงสุดถึง 16GB รองรับการใช้งานแอปในพื้นหลังได้สูงสุด 40 แอป สลับไปมาระหว่างแอปได้อย่างราบรื่น ตอบโจทย์การใช้งานแอปหรือเกมที่เน้นกราฟิกบนพื้นที่หน่วยความจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลื่นไหลไม่มีสะดุดตลอดทั้งวัน
Personal Cinema Screen
หน้าจอแสดงผลของ vivo V30e 5G เลือกใช้วัสดุรุ่นใหม่คุณภาพสูงบนพาเนล AMOLED 1.07 พันล้านสี โดยมีหน้าจอขนาด 6.78 นิ้วที่ใหญ่เต็มตาบนความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล พร้อมกับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ให้สีสันที่สวยงามสมจริง ชนิดที่ไม่ลดทอนคุณภาพหรือความคมชัดของสีที่ขอบหน้าจอ จึงพร้อมตอบโจทย์ด้านการรับชมคอนเทนต์และการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
และยังสามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการปรับสีหน้าจอ อุณหภูมิสี การปรับเอฟเฟ็กต์การแสดงผลที่สดใสยิ่งขึ้น รวมถึงมีทั้งธีมมืดและโปรแกรมรักษาหน้าจอ พร้อมความปลอดภัยด้วยโหมดป้องกันดวงตา ด้วยหน้าจอลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาของผู้ใช้งาน
ด้านความปลอดภัย
ฟีเจอร์ในด้านความปลอดภัยก็ให้มาอย่างครบถ้วน โดย vivo V30e 5G รองรับฟีเจอร์ความปลอดภัยในระดับ Hardware ด้วย Biometric อันล้ำสมัยจาก “นวัตกรรม In-Display Fingerprint Scanning” หรือการฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ภายในจอแสดงผล และในเจนเนอเรชั่นล่าสุดมีการอัพเกรดตัวเซนเซอร์ใหม่แบบ 3 ชิ้นเลนส์ จึงส่งผลให้การทำงานมีความรวดเร็วแม่นยำที่ดีมากยิ่งขึ้น
สำหรับฟีเจอร์ In-Display Fingerprint Scanning บน vivo V30e 5G รองรับการบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุดที่ 5 ลายนิ้ว และนอกจากนี้ยังมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 8 รูปแบบ รวมถึงสามารถเปลี่ยนไอคอนที่แสดงบนหน้าจอได้อีก 7 รูป ซึ่งจะช่วยเสริมให้ขณะใช้งานดูมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ส่วนระบบ Face Unlock บน vivo V30 Pro 5G มีความรวดเร็วแม่นยำไม่แพ้ระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ และยังสามารถทำงานได้ดีแม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้โดยไม่มีปัญหา และมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 6 รูปแบบ อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการปลดล็อกที่ผสานทั้ง 2 ระบบเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
vivo V30e 5G แม้จะมีดีไซน์ที่บางเบา แต่ก็ให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5500mAh ซึ่งถือว่าให้แบตความจุที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ vivo V Series เลยที่เดียว และนอกจากจะให้แบตใหญ่จุใจแล้ว ในด้านการใช้งานในระยะยาว vivo V30e 5G มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ถึง 4 ปี หรือกว่า 1,600 รอบการชาร์จ (สมาร์ตโฟนทั่วไปทำได้แค่ 800 – 1,000 รอบเท่านั้น)
ในด้านฟีเจอร์และความปลอดภัยในการชาร์จก็ให้มาแบบอัดแน่นด้วย Super Charge Pump ที่แปลงพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นโทรศัพท์จึงชาร์จได้อย่างรวดเร็วด้วยความร้อนที่ต่ำ พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัยแบบ 24 มิติ ด้วยการชาร์จที่รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้นจากทุก ๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น ตัวโทรศัพท์ แบตเตอรี่ ชิปชาร์จ พอร์ต สายเคเบิล และกำลังไฟฟ้าเข้าจากแรงดันไฟ อุณหภูมิ และการป้องกันเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเมทริกซ์การป้องกันการชาร์จที่ครอบคลุมที่สร้างความอุ่นใจในการใช้งานได้ตลอดเวลา
vivo V30e 5G ยังมาพร้อมโหมดประหยัดพลังงานอันชาญฉลาด จึงส่งผลให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานกว่าที่เคย มอบความเพลิดเพลินกับการใช้งานได้ตลอดวัน
ส่วนถ้าใครเน้นเล่นเกมหรือใช้งานหนัก ๆ ตลอดทั้งวัน ก็ไม่ต้องซีเรียสแต่อย่างใดเพราะ vivo V30e 5G รองรับชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี FlashCharge 44W ไม่ว่าจะถ่ายรูป ฟังเพลงหรือเล่นเกม ก็พร้อมรองรับการใช้งานได้ตลอดเวลา
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์
vivo V30e 5G มาพร้อม Funtouch OS 14 รุ่นใหม่ล่าสุด บนพื้นฐานของ Android 14 เวอร์ชันใหม่ล่าสุดเช่นกัน โดยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 14 นำเสนอชุดไอคอนและวิดเจ็ตใหม่ที่สร้างสรรค์ ซึ่งจะแสดงแอปพลิเคชันที่ใช้เป็นประจำ และยังช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานโดยที่ไม่ต้องกดเปิดแอปพลิเคชัน ซึ่งสามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การใช้งานทั่วไป ๆ รวมถึงด้านความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Jovi Home อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงเมนูลัดต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกคล่องตัว
เมื่อเลื่อนหน้าจอจากด้านซ้ายไปยังด้านขวาของหน้าโฮมเพจ จะเข้าสู่ Jovi Home ซึ่งเป็นหน้าหลักที่รวบรวมแอปพลิเคชันทั้งหมดไว้ด้วยกัน พร้อมการออกแบบสไตล์การ์ดที่ใช้งานง่าย โดยมีไฮไลท์ที่น่าสนใจดังนี้
Shortcuts – ทางลัดที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง แอปพลิเคชันการล้างพื้นที่เครื่อง เครื่องคิดเลข ล็อกแอปพลิเคชัน และอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
Suggestions – คำแนะนำที่สามารถแจ้งเตือนอัจฉริยะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นเวลาพักผ่อน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
My Services – สามารถปรับแต่งตามความสนใจของคุณ เช่น เกี่ยวกับการแข่งขันกีฬา ข้อมูลด้านสุขภาพ การออกกำลังกาย หรือคำแนะนำเกี่ยวกับการดื่มน้ำ และการพยากรณ์อากาศ
Mini Window ใหม่สำหรับสถานการณ์ที่ผู้ใช้ต้องการใช้งานสองแอปพร้อมกัน อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถสลับระหว่าง โหมดหน้าต่างเล็ก ๆ ได้อย่างง่ายดายด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว
ฟีเจอร์ Smart Mirroring ใหม่ของ vivo V30 5G ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์หน้าจอได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องกังวลว่าแถบการแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้นและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ตั้งใจ
iManager
ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย ด้วยผู้ช่วยอัจฉริยะ iManager ที่มาพร้อมความสามารถครบครัน สามารถตรวจสอบความปลอดภัยสมาร์ตโฟนของคุณทั้งสแกนไวรัส และระบุไฟล์ที่เป็นอันตรายต่อสมาร์ตโฟน รวมทั้งยังมาพร้อมความสามารถอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการลบไฟล์ขยะ, ระบายความร้อน, สำรองข้อมูล, และจัดการด้านพลังงานเป็นต้น
Multi-Turbo
vivo V30e 5G จะพาผู้ใช้งานไปสัมผัสประสบการณ์ความรวดเร็วในการเล่นเกมด้วย Multi-Turbo เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มอบความเร็วในการทำงานของหน่วยประมวลผล และช่วยประหยัดพลังงาน ได้อีกทางหนึ่งด้วย
Ultra-Game Mode มาพร้อมเวอร์ชันใหม่ล่าสุด ซึ่งได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด ซึ่งสามารถเลือกการทำงานได้ถึงสามโหมดตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโหมดประหยัดแบตเตอรี่ โหมดสมดุล และโหมดประสิทธิภาพที่สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้แบบเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังสามารถเล่น E-sports ได้อย่างมืออาชีพโดยใช้ Competition Mode เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น และ นอกจากนี้ยังช่วยให้การเล่นเกมมีความต่อเนื่องไร้การรบกวนจากแจ้งเตือนข้อความและการแจ้งเตือนแอปพลิเคชันอื่น ๆ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพแบบสัมผัสเพื่อป้องกันการจับภาพหน้าจอในขณะเล่นเกมที่เกิดจากการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ
รวมถึงยังอัพเกรดฟีเจอร์เด่น ๆ ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น อาทิเช่น 4D Game Vibration ระบบสั่น 4 มิติ ที่ช่วยเพิ่มความสมจริงในเกม FPS , เอฟเฟ็กต์เครื่องเปลี่ยนเสียง, Game Picture-in-Picture, Do Not Disturb, Esports Mode เป็นต้น
ทดสอบการเล่นเกม
vivo V30e 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์การเล่นเกมได้อย่างน่าประทับใจ โดยมี Game Boost Mode ที่ออกแบบมาเพื่อปลดปล่อยพลังของโปรเซสเซอร์ Octa-core (4×2.2 GHz Cortex-A78 & 4×1.8 GHz Cortex-A55) ผสานด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 710 จึงพร้อมมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่มีประสิทธิภาพอย่างก้าวกระโดด
vivo V30e 5G สามารถตั้งค่ากราฟิกของตัวเกมในระดับสูงสุดได้เกือบทุกเกม เมื่อลองทดสอบเกมยอดนิยมอย่าง PUBG, ROV, Asphalt 9 ไม่พบอาการหน่วงหรือสะดุดให้เห็น แต่เมื่อลอง Genshin Impact ในช่วงตะลุมบอนหมู่ ศัตรูมาเยอะ ๆ ก็เจอหนืด ๆ บ้างเล็กน้อย แต่ในภาพรวมเล่นได้ทุกเกมแบบตั้งค่าสูงสุด และเมื่อผสานด้วย Firmware ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี รวมถึงฟีเจอร์ Game Boost Mode ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถสนุกไปกับการเล่นเกมที่เร็วขึ้นและความบันเทิงที่สมจริงยิ่งกว่าเดิม
ด้านการถ่ายภาพ
ไม่พลาดทุกความประทับใจด้วยกล้องหน้าความละเอียด 32MP พร้อมฟีเจอร์ที่ให้มาแบบอัดแน่น นี่คือกล้องหน้าระดับชั้นนำในเรนจ์ราคาเดียวกัน โดยมีจุดเด่นคือสามารถเก็บรายละเอียดได้คมชัดและสมบูรณ์แม้จะผ่านการครอป หรือซูมเข้าหลายเท่า
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto
Portrait Mode
ในโหมด Portrait ผู้ใช้งานสามารถเลือกการตั้งค่ารูรับแสงหรือค่า f ได้เองตั้งแต่ f/0.95 – 16 เพื่อกำหนดค่าความเบลอฉากหลังได้ตามที่ต้องการ
AI Face Beauty
Nature & Classic
สำหรับโหมด AI Face Beauty ใน Portrait Mode จะมี 2 โหมดสำเร็จรูปหลัก ได้แก่โหมดธรรมชาติและคลาสสิก โดยโหมดธรรมชาติจะให้สกินโทนที่เน้นความสมจริงดูเป็นธรรมชาติ ส่วนโหมดคลาสสิกตัวระบบ AI จะคำนวณความเหมาะสมให้เข้ากับใบหน้าของเราโดยอัตโนมัติ ซึ่งทั้งสองโหมดสามารถตอบโจทย์สำหรับสีผิวและความชื่นชอบที่แตกต่างกันไปของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว
ทั้งนี้ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแต่งในโหมดบิวตี้ได้อย่างยืดหยุ่น เช่นปรับให้ผิวขาวนวล ปรับสกินโทนของสีผิว ปรับให้ใบหน้าเรียวบาง, ปรับแต่งภาพรวมโครงสร้างใบหน้า, กราม, ปรับให้ดวงตากลมโต, ดวงตาเรียวยาว, ปรับแต่งรูปแบบของจมูกและริมฝีปากเป็นต้น ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การถ่ายเซลฟี่เป็นเรื่องสนุก และให้ผลลัพธ์ที่ตรงใจแก่ผู้ใช้งานได้มากที่สุดนั่นเอง
และในโหมด Beauty จะมี Make Up แบบสำเร็จรูปมาให้ใช้งาน 9 รูปแบบ โดยสามารถตั้งค่าเพิ่มเติม เช่นเปลี่ยนสีลิปสติก, คิ้ว, แก้มหรือดวงตาได้อย่างยืดหยุ่นอีกด้วย
Multi-Style Portrait
สำหรับโหมด Multi-Style Portrait จะมีสไตล์ที่ให้เลือกใช้งานได้ถึง 16 รูปแบบ ซึ่งให้ฟิลลิ่งคล้ายกับโปรไฟล์สี ที่มีให้ใช้งานบนกล้องระดับมืออาชีพของหลาย ๆ แบรนด์นั่นเอง
และมีฟิลเตอร์มาให้ใช้งานอย่าจุใจถึง 10 รูปแบบ
Selfie Softlight Band
สำหรับฟีเจอร์ Selfie Softlight Band จะให้แสงที่นุ่มนวล ภาพดูมีมิติ และไม่สว่างจ้าจนเกินไป โดยใช้แสงสว่างจากหน้าจอแสดงผลทำหน้าที่เป็นแฟลช อีกทั้งยังสามารถปรับแสงออร่าในอุณหภูมิได้อย่างยืดหยุ่น จึงช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือในที่ไม่มีแสงได้อย่างสวยงามเสมือนถ่ายในสตูดิโอเลยทีเดียว
Super Night Selfie
โหมด Super Night Selfie จะช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือเวลากลางคืนได้อย่างคมชัด โดย AI Night Selfie และ Face Beauty สามารถวิเคราะห์วิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนได้อย่างชาญฉลาด ส่งผลให้ภาพมีความสว่าง คมชัด เก็บรายละเอียดได้ดี และมีสัญญาณรบกวนหรือ Noise ที่น้อยมาก
และเมื่อเปิดใช้งาน Selfie Softlight Band ร่วมกับ Super Night Selfie ก็จะขับเน้นตัวแบบให้ดูเด่นยิ่งขึ้น
ทดสอบกล้องหลัง
กล้องหลัง: 2 เลนส์ AI Dual Camera
-
- กล้องหลัก 50MP (Sony IMX882) รูรับแสงกว้าง f/1.79
- เลนส์ Ultra-Wide 8MP รูรับแสงกว้าง f/2.2
- แฟลช กล้องหลังแสงออร่า Aura Light 3.0
เก็บทุกความประทับใจด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงถึง 50MP ให้ภาพที่ความละเอียด 8192 x 6144 พิกเซล จะขยายหรือนำไป Crop ก็ให้คุณภาพที่สามารถต่อยอดการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น
และในโหมดความละเอียดสูงยังสามารถนำมา Crop เพื่อใช้งานในลักษณะของ Macro ได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายในระยะต่าง ๆ
ระยะปกติ
Ultra wide angle
Zoom 2x
vivo V30e 5G รองรับการซูมแบบ Optical zoom 2x และ Digital zoom ได้สูงสุดที่ 10x
Color Tone
Vivid สดใส
Textured มีมิติ
Natural ธรรมชาติ
vivo V30e 5G สามารถปรับ color tone หรือสีของโทนภาพได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Vivid, Textured, Natural ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกโทนสีได้ตรงกับความต้องการ เช่นการถ่ายอาหาร ถ่ายวิวทิวทัศน์ หรือถ่ายภาพบุคคลเป็นต้น
Super Night Mode
vivo V30e 5G อัปเกรดมาใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX882 ที่มีความไวต่อแสงระดับยอดเยี่ยม (เพิ่มขึ้น 30% จากรุ่นก่อนหน้า) อีกทั้งยังมี
เทคโนโลยีรวมพิกเซลแบบ 4-in-1 ที่ช่วยเพิ่มการรับแสงและสร้างพิกเซลขนาดใหญ่ 1.6 μm เพื่อให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อย สว่าง สดใสยิ่งขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่ายในสภาพแสงต่าง ๆ
และยังมาพร้อม Photo Borders ฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้การถ่ายภาพสนุกมากยิ่งขึ้น ด้วยกรอบรูปหลากหลายสไตล์
วิธีใช้ : Albums > Photo > Edit > Borders
ทดสอบถ่ายภาพบุคคลด้วยกล้องหลัง พร้อมใช้งานฟีเจอร์ Aura Light Portrait 3.0
Portrait ระยะ Normal
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกการตั้งค่ารูรับแสงหรือค่า f ได้เองตั้งแต่ f/0.95 – 16 เพื่อกำหนดค่าความเบลอฉากหลังได้ตามที่ต้องการ
2x Professional Portrait Mode ให้ภาพมุมมอง F0V-120°
• มอบมุมมองที่สมจริงยิ่งขึ้น และลดการบิดเบี้ยวของภาพ อัลกอริทึมภาพบุคคลเอกสิทธิ์เฉพาะของ vivo สามารถเปลี่ยนเลนส์เป็นกล้องพอร์ตเทรต 2x ระดับมืออาชีพ ผ่านการซูมแบบไม่สูญเสียคุณภาพด้วย
2x prime focal length
• HD Portrait Algorithm ช่วยเพิ่มความคมชัดของใบหน้าในโหมดถ่ายภาพบุคคล (Portrait Mode)
ซึ่งในโหมด Portrait ของ vivo V30e 5G จะรองรับการถ่ายที่ระยะ Normal และ 2x โดยที่ระยะ 2x จะให้ฟิลลิ่งคล้าย ๆ กับระยะ 50mm บนกล้อง DSLR ซึ่งเป็นระยะยอดนิยมในการถ่ายภาพบุคคลนั่นเอง การที่ vivo V30e 5G สามารถถ่าย Portrait ในระยะ 2x จึงมีความยืดหยุ่นและให้ความรู้สึกเสมือนถ่ายด้วยกล้องมืออาชีพอีกด้วย
Bokeh Flare Portrait
Default
Hearts, Stars
Butterfly, Cherry Blossom
ในโหมด Portrait บน vivo V30e 5G ผู้ใช้งานสามารถเลือกเอฟเฟกต์โบเก้แบบแฟลร์ที่สวยงามด้วยอัลกอริทึมพอร์ตเทรตได้ถึง 5 รูปแบบ ซึ่งจะช่วยไฮไลต์วัตถุในภาพอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมสร้างความโดดเด่นของตัวโบเก้ที่มีกิมมิคในหลากหลายสไตล์
Portrait Style
โหมด Portrait ของกล้องหลัง มี Style มาให้ใช้งาน 6 รูปแบบ
และมีฟิลเตอร์มาให้ใช้งานเหมือนกล้องหน้าทุกประการ
Face Beauty
ในส่วนของกล้องหลังมี Natural Portrait มาให้ใช้งานเช่นกัน
ไฮไลท์ Aura Light Portrait 3.0
Aura Light Portrait 3.0 มาพร้อมฟีเจอร์ Smart Color Temperature Adjustment ระบบปรับอุณหภูมิแสงอัจฉริยะที่ทำงานในโหมดอัตโนมัติ ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแสงออร่าให้เป็นโทนเย็นและโทนอุ่นได้หลายระดับตามความต้องการ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแสงในขณะนั้น
Aura Light Portrait 3.0 สามารถใช้งานได้ทุกสภาพแสง รวมถึงในช่วงเวลากลางวันก็ตาม
vivo V30e 5G มาพร้อม Aura Light Portrait 3.0 ที่ให้แสงนุ่มนวลขึ้น ควบคู่ไปกับความสว่างที่เหมาะสม จึงช่วยให้ใบหน้าสว่าง ละมุนเป็นธรรมชาติ (ขนาดออร่าใหญ่ขึ้น 9 เท่า ↑ แสงออร่านุ่มนวลขึ้น 45 เท่า ↑)
AI Powered Photography
ระบบ AI อัจฉริยะ ช่วยแนะนำการเปิดใช้ออร่าตามสภาพแวดล้อมการถ่ายภาพ
สำหรับวิธีเปิดใช้งาน Aura Light Portrait 3.0 แบบกำหนดค่าเอง ให้แตะที่สัญลักษณ์รูปแฟลชที่ด้านบนมุมซ้ายของจอแสดงผล
หลังจากนั้นจะมีแถบเมนูในการเปิด/ปิดใช้งาน Aura Light Portrait 3.0 แสดงผลขึ้นมา ถัดลงมาด้านล่าง จะมีบาร์ที่ใช้ในการกำหนดรูปแบบของแสง โดยค่าเริ่มต้นจะเป็นแบบอัตโนมัติ ถ้าต้องการตั้งค่าเองให้แตะที่สัญลักษณ์รูปตัว A จากนั้นจะสามารถเลื่อนแถบบาร์ไปทางขวาเพื่อปรับเป็นอุณหภูมิเย็น และปรับมาซ้ายจะเป็นการเลือกอุณหภูมิอุ่น
ตัวอย่างภาพถ่ายจากการเปิดใช้งาน Aura Light Portrait 3.0 ในแบบปรับตั้งค่าเอง
ปรับตัวแกนบาร์ของ Aura Light Portrait 3.0 ไปทางขวามือจนสุด จะได้โทนแสงแบบ Cool Feeling โดยไฟแฟลชจะเป็นสีขาว
ปรับตัวแกนบาร์ของ Aura Light Portrait 3.0 ไปตรงกลางจะได้โทนแสงแบบ Natural โดยไฟแฟลชจะเป็นสีส้มอ่อน
ปรับตัวแกนบาร์ของ Aura Light Portrait 3.0 ไปทางซ้ายมือจนสุด จะได้โทนแสงแบบ Warmth โดยไฟแฟลชจะเป็นสีส้มเข้ม
Far / Near Lighting
ตรวจจับระยะห่างแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณได้แสงออร่าที่สว่างอย่างเหมาะสมสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตในระยะใกล้และไกล
ปัญหาการถ่ายภาพในที่แสงน้อยมาก ๆ หรือในที่มืด สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือ noise หรือสัญญาณรบกวนในภาพ ที่ทำให้ภาพดูดรอปทั้งในส่วนของรายละเอียดความคมชัดและความสว่าง ซึ่งในโหมดพอร์ตเทรตบนสมาร์ตโฟนเราจะไม่สามารถตั้งค่า ISO ได้เหมือนบนกล้องจริง ๆ
Smart Color Temperature Adjustment
ปรับโทนแสงออร่าให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอย่างอัจฉริยะ ไม่ว่าจะแสงโทนอุ่นหรือโทนเย็น ช่วยให้ภาพพอร์ตเทรตดูสว่างและคมชัดอย่างธรรมชาติ
ซึ่งในสภาพแสงที่ค่อนข้างคงที่ อย่างแสงไฟจากหลอด LED หรือ ฟลูออเรสเซนต์ โดยไม่มีแสงอันหลากหลายมาผสมปนกัน ในภาพรวมจะให้โทนที่เป็นสีขาว หรือจะบอกว่าเป็น Scene city ที่พบเจอกันได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ตัว Aura Light Portrait 3.0 จะให้แสงแบบ Natural ที่อยู่ตรงกลางระหว่างโทนเย็นและโทนอุ่น โดยจากรูปชุดนี้จะเห็นได้ว่า ตัวแบบจะไม่สว่างจ้า หรือติดโทนแดง แต่จะให้ความสมจริง ดูละมุนและเป็นธรรมชาติไม่หลอกตา
นอกจากปัญหา White Balance ที่ส่งผลให้สีสันดูผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง อีกหนึ่งปัญหาก็คือ ambient light รวมถึงการสะท้อนของแสงจากวัตถุไปยังตัวแบบ โดยรูปทางซ้ายมือสีม่วงของไฟพื้นหลังจะสะท้อนลงมายังตัวแบบ ทำให้เกิดสีเพี้ยน
แต่จากรูปทางขวาที่ถ่ายด้วย vivo V30e 5G พร้อมเปิดใช้งาน “Aura Light Portrait 3.0” จะให้สีสันที่ดูเป็นธรรมชาติและสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน
มาถึงตรงนี้เราจะเห็นได้ว่า “Aura Light Portrait 3.0” ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพบุคคลในยามค่ำคืนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะแสงน้อยแค่ไหน vivo V30e 5G ก็สามารถถ่ายพอร์ตเทรตได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งการสร้างมิติของภาพ ดึงดีเทลที่ขาดหายให้กลับมา พร้อมมอบความสมดุลสมจริงให้กับภาพบุคคลที่ไม่สามารถพบเจอได้บนสมาร์ตโฟนทั่ว ๆ ไป
บทสรุป
vivo V30e 5G ยังคงสืบทอด DNA ของรุ่นพี่ vivo V30 5G ในด้านการถ่าย Portrait ได้เหนือกว่าทุกคู่แข่ง โดยจุดแข็งก็คือแสงออร่า Aura Light Portrait 3.0 ที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับภาพถ่ายบุคคลได้อย่างโดดเด่น สามารถเก็บภาพทุกช่วงเวลาได้อย่างมีชีวิตชีวาไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน พร้อมส่งมอบประสบการณ์การถ่ายภาพพอร์ตเทรตคมชัดอย่างเป็นธรรมชาติ รังสรรค์ภาพถ่ายที่ไม่ว่าจะถ่ายมุมองศาไหน ก็สามารถทำให้ผู้ใช้งานประทับใจกับคุณภาพได้เสมอ
ในด้านสเปค vivo V30e 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon® 6 Gen 1 ที่ทรงพลังแต่ใช้พลังงานน้อยลง และยังรองรับการใช้งานเครือข่าย 5G แบบ dual mode SA&NSA / VoNR สามารถใช้งานได้ลื่นไหลด้วยเทคโนโลยี Extended RAM 3.0 ในแบบ 8GB+8GB บนระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 14 อีกทั้งยังให้ความจุพื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเครื่องขนาดใหญ่ถึง 256GB และพร้อมตอบทุกโจทย์ด้านความบันเทิงด้วยจอแสดงผล AMOLED 1.07 พันล้านสี มาในขนาดใหญ่เต็มตาถึง 6.78 นิ้ว ให้ความสมูทด้วยอัตราการรีเฟรช 120Hz เมื่อผสานกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่สุดของ V Series ที่เคยมีมา ด้วยความจุถึง 5500mAh จึงสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน และยังรองรับชาร์จไว vivo FlashCharge 44W อีกด้วย ซึ่งเมื่อมองในภาพรวมแล้ว vivo V30e 5G ยังคงมาพร้อมจุดเด่นในการถ่ายภาพพอร์ตเทรตดีที่สุดในตลาด แต่เปิดตัวด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ราคาและช่องทางวางจำหน่าย
vivo V30e 5G มาด้วยกันสองสีได้แก่ Cloud White (คลาวด์ไวท์), Coco Brown (โคโค่ บราวน์) เปิดตัวด้วยราคาเพียง 11,999.- บาท (8GB + 256GB )
สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 7 มิ.ย. 67 !
พร้อมรับของสมนาคุณ มูลค่ารวมกว่า 8,498.-
– E-VIP มูลค่า 5,999.- (สิทธิพิเศษรับประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี และรับประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรก)
– กระเป๋า V-FRIEND มูลค่า 2,499.-
จองได้แล้วที่ vivo Brand Shop, BaNANA, IT City | CSC, Jaymart, TG, KINGKONG, BKK, Big C, Maxlink, STAMP, Advice, แม่วังสื่อสาร, Power Mall, Powerbuy, Lotus และ SINGER ทุกสาขาทั่วประเทศ
vivo V30e 5G ราคาเริ่มต้นเพียง 7,199.- เมื่อจองกับผู้ให้บริการเครือข่าย
รับของสมนาคุณ มูลค่ารวมกว่า 8,498.-
– E-VIP มูลค่า 5,999.- (สิทธิพิเศษรับประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี และรับประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรก)
– กระเป๋า V-FRIEND มูลค่า 2,499.-
#vivoV30e5G #ช็อตเดียวก็ปัง