รีวิว Vivo Y19 ดีไซน์พรีเมี่ยม จอใหญ่ แบตอึด กล้องสวยชัดทุกระยะ ในราคาเพียง 6,999 บาท

โดย J.wasan
0 ความเห็น 1.6K views

หลังจากเปิดตัว Vivo Y11 รุ่นสุดคุ้มราคาประหยัดกันไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ล่าสุดวีโว่ได้ส่ง Y19 เข้ามาเสริมทัพให้กับซีรีส์ Y อีกหนึ่งรุ่น โดยจุดเด่นของ Y19 นั้นยังคงจัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก ทั้งดีไซน์ที่มีความหรูหราพรีเมี่ยม และกล้องหน้าหลังที่ถ่ายสวยชัดในทุกระยะ พร้อมขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Octa-core ที่รองรับการทำงานทั่วไปและเล่นเกมได้ดีเยี่ยม แถมยังมีแบตสุดอึดความจุสูงถึง 5,000mAh สามารถใช้งานได้ยาวนาน และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Dual Engine Fast Charge (9V2A) อีกด้วย เรียกว่าครบเครื่องในราคาครึ่งหมื่นนิด ๆ ซึ่งนอกจากจะ ดีไซน์สวย แบตอึด กล้องแจ่มแล้ว จะมีทีเด็ดอะไรที่ซ่อนอยู่อีกบ้าง ต้องมาติดตามรับชมรีวิวไปพร้อม ๆ กันครับ

สเปคเบื้องต้น  Vivo Y19

ขนาด 162.15× 76.47× 8.89 มม.
น้ำหนัก 190 กรัม
หน้าจอแสดงผล หน้าจอ Halo FullView Display ชนิด IPS LCD ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1080 × 2340 (FHD+)
หน่วยประมวลผล ชิปเซ็ต MediaTek Helio P65 (MT6768) 12 nm ประมวลผล Octa-core 2x 2.0 GHz ARM Cortex-A75, 6x 1.95 GHz ARM Cortex-A55 หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G52 MP2
RAM 6GB
หน่วยความจำภายในเครื่อง 128GB
หน่วยความจำเสริม microSD, up to 256GB
กล้องถ่ายภาพ กล้องหลัง: 3 เลนส์ AI Triple Camera   กล้องหลัก 16 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.78, ระบบโฟกัส PDAF,  กล้องตัวที่ 2 super wide-angle และ bokeh ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.2, กล้องตัวที่ 3 Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4, ไฟแฟลช LED 1 ดวง

——————————————————-

กล้องหน้า 16 MP, รูรับแสง f/2.0

——————————————————-

โหมดการถ่าย PORTRAIT (AI Face Beauty), Photo, Video, Professional, Panorama, Slow motion, Time-Lapse, HDR, Bokeh, Super wide-angle, Super Macro, Time watermark, Model watermark, Camera filters, Grid, Timer, DOC, AR Stickers, Live Photo

ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย (Funtouch 9.2)
เชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz, 5GHz
บลูทูธ 4.0  support A2DP, LE
GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo
รองรับระบบ รองรับการทำงาน Dual-SIM  2 ซิมการ์ด Dual SIM and Dual Standby

  • 2G GSM : B3/5/8
  • 3G WCDMA : B1/5/8
  • 4G FDD-LTE : B1/3/5/8/28
  • 4G TDD-LTE : B38/40/41
แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Dual Engine Fast Charge (9V2A)
สี/ราคาวางจำหน่าย สีที่วางจำหน่ายในไทย Magnetic Black, Spring White ราคาเปิดตัว 6,999 บาท

 

บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง

ตัวกล่องแพ็กเกจจิ้งของ Vivo Y19 มาในขนาดกะทัดรัดพร้อมใช้โทนสีขาวสะอาดตา แต่จะแตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ในซีรีส์เดียวกัน ที่ไม่ได้โชว์รูปตัวเครื่องที่ด้านหน้ากล่อง ซึ่งจะมีเพียงชื่อรุ่นขนาดใหญ่และขนาดความจุ ROM/RAM พิมพ์ไว้ที่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังขับเน้นไฮไลท์ที่เป็นจุดเด่นของ Vivo Y19 ทั้งหน้าจอแสดงผล Halo FullView Display ใหญ่เต็มตาถึง 6.53 นิ้ว, แบตเตอรี่ความจุสูง 5,000mAh, และเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Dual Engine Fast Charge (9V2A)

อุปกรณ์ภายในกล่องจะประกอบไปด้วย

  1. คู่มือการใช้งานฉบับย่อ + ใบรับประกันสินค้า
  2. อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
  3. เคสซิลิโคนแบบใส
  4. สายดาต้าลิงค์ Micro USB
  5. อแดปเตอร์ชาร์จ OUTPUT 5V-2A / 9V-2A

สำหรับฟิลม์กันรอยมีการติดตั้งมาให้เรียบร้อยตั้งแต่โรงงาน

ดีไซน์โดดเด่นตั้งแต่แรกสัมผัส โดย Vivo Y19 ออกแบบดีไซน์ตัวเครื่องด้วยการไล่ระดับสีสันที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความลึกลับของธรรมชาติ โดยรังสรรค์ออกมาเป็น Shimmering Color Design ที่ผสานให้สีสันบนตัวเครื่องมีการไล่เฉดอย่างมีระดับ ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งตัวเครื่องจะมีความโค้งมนแบบ 3D Micro Arc ส่งผลให้การไล่ระดับสีบนตัวเครื่องดูมีมีมิติสวยงาม โดยเฉพาะเมื่อยามที่แสงและเงากระทบบนตัวเครื่อง ส่งผลให้ในบางมุมจะแสดงสีสันที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังใช้การตัดขอบข้างด้วยสีทองโรสโกลด์ ก็ยิ่งดูพรีเมี่ยมหรูหราเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

สำหรับตัววัสดุเป็นโพลีคาร์บอเนต ที่มีความบางเบา และออกแบบตามหลัก Ergonomics จึงจับถือพกพาได้อย่างสะดวกคล่องตัว

“หน้าจอใหญ่เต็มตา รับชมคอนเทนต์สะใจ”

Vivo Y19 มาพร้อมหน้าจอแสดงผล Halo FullView Display ชนิด IPS LCD ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1080 × 2340 (FHD+) มีความคมชัดสว่างสดใส ให้มุมมองกว้างตามสไตล์พาเนล IPS และมี Notch หรือรอยบากในรูปทรงหยดน้ำขนาดเล็กที่ช่วยให้หน้าจอมีความสมดุลและดูสบายตา แถมยังโดดเด่นด้วยสัดส่วนระหว่างหน้าจอต่อตัวเครื่องที่สูงถึง 90.3% เลยทีเดียว

กล้องหน้าเซลฟีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 ถ่ายสวยในทุกสภาพแสง ตัวกล้องหน้าและเซ็นเซอร์วัดแสงถูกจัดวางอยู่ภายใต้เลย์เอาท์ของ Notch ส่วนลำโพงสนทนาจะวางตำแหน่งไว้ที่ขอบจอของตัวเครื่องซึ่งช่วยให้จอแสดงผลได้เต็มพื้นที่อีกทางหนึ่งด้วย

กล้องหลัง AI Triple Camera ถ่ายสวยในทุกระยะ

กล้องหลัก 16 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.78, ระบบโฟกัส PDAF,  กล้องตัวที่สอง ทำหน้าที่ถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษ super wide-angle และ bokeh ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.2, กล้องตัวที่สาม Macro เพื่อการถ่ายภาพระยะใกล้ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4, ไฟแฟลช LED 1 ดวง

ตัวกล้องจัดวางเลย์เอาท์ในแนวตั้ง  พร้อมล้อมคาดด้วยเส้นกรอบอะลูมิเนียมสีทองเพิ่มความหรูหราและเข้ากับสีสันของตัวขอบเฟรมอีกด้วย

 

ด้านบนจะเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใด ๆ สำหรับด้านล่างจะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. จัดวางอยู่อยู่ทางฝั่งซ้าย ตามด้วยไมค์สนทนา / พอร์ต Micro USB / และลำโพงหลักของตัวเครื่อง

ฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์ ซึ่งตัวปุ่มพาวเวอร์ จัดวางตำแหน่งได้ค่อนข้างดี เพราะไม่อยู่สูงหรือต่ำเกินไป ทำให้ใช้งานมือเดียวได้อย่างสะดวกคล่องตัว

ฝั่งซ้ายด้านบนจะเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิมการ์ด

ตัวถาดซิมของ Vivo Y19 เป็นแบบ Triple Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบนาโนซิม พร้อมสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกชนิด MicroSD Card

 

ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน Vivo Y19

Vivo Y19 จัดเต็มด้านความปลอดภัยด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือและ Face Unlock ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า โดยทั้ง 2 ระบบทำงานได้รวดเร็ว มีความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจมาก ในส่วนของระบบปลดล็อคด้วยใบหน้ามีเอฟเฟกต์ภาพเคลื่อนไหวให้เลือกใช้งาน 4 รูปแบบ

และนอกจากจะใช้ในการปลดล็อคหน้าจอแสดงผลแล้ว ยังสามารถใช้ในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นได้อีกทางหนึ่งด้วย

 

Halo FullView Display

Vivo Y19 โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผล Halo FullView Display ชนิด IPS LCD ให้สีสันสว่างสดใส มีความคมชัด สามารถแสดงขอบเขตสีได้สมจริงแม่นยำ มี Respond การตอบสนองที่อยู่ในเกณฑ์น่าประทับใจ และมี Software ที่ช่วยปรับแต่งการแสดงผลได้อย่างยืดหยุ่น อีกทั้งยังมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่เต็มตาถึง 6.53 นิ้ว โดยมีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องที่สูงถึง 90.3% เลยทีเดียว และมาพร้อม Notch หรือรอยบากในรูปทรงหยดน้ำ ผสานกับขอบจอที่บางเฉียบ จึงส่งผลให้การรับชมคอนเทนต์อย่าง YouTube, Netflix รวมไปถึงการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น

Ultra-Game Mode

“Ultra-Game Mode” บน Vivo Y19 มาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ Multi-Turbo เหมือนกับรุ่นพี่ที่ได้เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านั้น สำหรับ Ultra-Game Mode ได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด สามารถเล่น E-sports ได้อย่างมืออาชีพโดยใช้ Competition Mode เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น และ Dual-Turbo โหมดที่สามารถตอบโจทย์เหล่านักเกมเมอร์ที่ต้องการประสิทธิสูงสุดในขณะเล่นเกม โดยโหมดนี้จะช่วยเพิ่มความเร็วของเกม และลดปัญหาเฟรมเรตตก ทำให้เล่นเกมได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุดติดขัดให้หงุดหงิดใจ

นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง Game Countdown ที่สามารถเตือนถึงเวลาที่เหลือก่อนที่เกมจะเริ่ม เพื่อช่วยให้เราเตรียมตัวหรือสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้นในขณะรอเกมจะรันขึ้นนั่นเอง

และโหมดล่าสุด 4D Vibration ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์สั่นสะเทือน ส่งผลให้การเล่นเกมต่อสู้ได้ดุเดือด มีความสมจริง เช่นการสั่นตอบสนองในเวลาที่ยิงปืน หรือการชน การกระแทกเป็นต้น

Voice Changer ฟังก์ชันเปลี่ยนเสียงในเกม ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกเอฟเฟกต์เสียงตัวละครที่หลากหลายระหว่างเล่นเกมกับเพื่อนร่วมทีม โดยเปลี่ยนเป็นเสียงย่านต่ำ หรือเสียงที่ให้ความตลกขบขัน ทำให้การสนทนาระหว่างการเล่นเกมนั้นสนุกสนาน และมีสีสันมากยิ่งขึ้น

Game Center เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ โดยเป็นศูนย์รวมของเกมที่น่าสนใจ มีการแบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการค้นหาและดาวน์โหลด นอกจากนี้ยังมาพร้อมความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญในระหว่างการเล่นเกม เช่น ดูข้อมูล CPU อุณหภูมิ และปริมาณข้อมูลการใช้งาน โดยทำงานร่วมกับ Ultra Game Mode ที่สามารถปิดข้อความ และการแจ้งเตือนต่าง ๆ ในขณะเล่นเกม ให้คุณสามารถมุ่งเน้นไปกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่

Dual-Engine Fast Charging

Vivo Y19 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000mAh ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานครบวัน แถมยังมีระบบชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี Dual-Engine Fast Charging ที่ใช้เวลาเพียง 15 นาที สามารถชาร์จได้ถึง 24% พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัยถึง 9 ชั้น ซึ่งถือว่าชาร์จได้ไวและมีความปลอดภัยที่น่าประทับใจมาก ๆ ครับ

ทั้งนี้ควรใช้สาย Micro USB และอแดปเตอร์ชาร์จที่ให้มาในกล่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุดครับ

 

Reverse Charging

นอกจากจะมีแบตใหญ่สุดอึดแล้ว ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Reverse Charging ที่แปลงร่างให้ Vivo Y19 กลายเป็นพาวเวอร์แบงค์เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สมาร์ทวอทช์ ผ่านทางสาน OTG เรียกว่านอกจากแบตอึดแล้วยังทำหน้าที่เป็นแบตเตอรี่สำรองที่พกพาติดตัวไปตลอดเวลาอีกด้วย

 

ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์

Vivo Y19 รันบนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 9.2 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ในภาพรวมไม่ได้ปรับเปลี่ยน UI แต่มีการย้ายเมนูบางส่วนเล็กน้อย แต่ยังเน้นประสบการณ์ใช้งานที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความสะดวกคล่องตัวเหมือนเช่นเคย อีกทั้งผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนธีม หรือภาพพื้นหลังรวมถึงรูปแบบตัวอักษรได้ตามใจชอบ รวมทั้งสามารถเข้าถึงทางลัดการใช้งานด่วนผ่านทาง Jovi AI Engine ผู้ช่วยอันชาญฉลาด พร้อมทั้งตั้งค่ารูปแบบ Home Screen ได้อย่างยืดหยุ่น

Dark Mode ฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้การใช้งานในตอนกลางคืนเป็นไปอย่างราบลื่น และส่งผลดีต่อสุขภาพดวงตาของของผู้ใช้งาน โดยฟีเจอร์ Dark Mode หลักการทำงานจะเปลี่ยนพื้นหลังให้เป็นสีดำ เพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมในที่แสงน้อยได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยทั้งเรื่องของการประหยัดพลังงาน พร้อมถนอมสายตา และก่อให้เกิดความผ่อนคลายแก่ผู้ใช้งานอีกทางหนึ่งด้วย

(Dark Mode สามารถใช้งานได้กับบางแอปฯ)

Vivo Y19 มาพร้อมฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรที่มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี Full Netcom 4.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับการโทรผ่าน Wi-Fi และ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G  มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย

ฟีเจอร์อื่น ๆ ในด้านการโทรที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นฟีเจอร์บล็อคสาย บล็อคข้อความ ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถบันทึกสายขณะโทรได้โดยตรง ไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติมแต่อย่างใด

 

สำหรับปุ่มนำทาง สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ และสามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%

โดย Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เหลือพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รูปแบบการสั่งการแบบไหน เช่นการลากจากขอบด้านล่างจากตำแหน่งตรงกลาง เพื่อกลับไปที่หน้าโฮม ซึ่งก็เหมือนการกดที่ปุ่มโฮมนั่นเอง

โหมดใช้งานมือเดียวและการจับภาพหน้าจอที่มีความหลากหลาย สำหรับการจับภาพหน้าจอก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษของ Vivo โดยสามารถจับภาพหน้าจอได้ยืดหยุ่นมาก ๆ ทั้งการลาก 3 นิ้วขึ้นไปจากหน้าจอแสดงผล

รวมไปถึงการจับภาพหน้าจอแบบยาวๆ หรือรูปแบบอิสระ อีกทั้งยังบันทึกหน้าจอในรูปแบบของวีดีโอได้อีกด้วย และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กันถึง 2 แอคเคาท์ในเครื่องเดียว

ฟีเจอร์ยอดนิยมของสมาร์ตโฟนในยุคนี้ ต้องมีการแบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน เช่นแชทไปด้วยด้วยพร้อมดู YouTube ในขณะเดียวกัน

ซึ่งบน Vivo Y19 นั้นเรียกใช้งานการแบ่งหน้าจอได้ง่าย ๆ เพียงลาก 3 นิ้วจากด้านบนลงไปยังด้านล่าง ก็จะสามารถใช้งาน 2 แอปฯในหนึ่งหน้าจอได้ในทันที

โหมดการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ตโฟนของ Vivo ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่น วาดตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่น, ปลดล็อคด้วยการโบกมือผ่านหน้าจอ การแจ้งเตือน การรับสายหรือเปลี่ยนเป็นโหมดแฮนด์ฟรีอัตโนมัติ ฯลฯ

โหมดมอเตอร์ไซค์และโหมดสำหรับเด็ก , ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลและการควบคุมโดยผู้ปกครอง เป็นโหมดที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจจาก Vivo ไปยังลูกค้าหรือผู้ใช้งานอย่างแท้จริง  ยกตัวอย่าง โหมดเด็กเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคมทุกวันนี้ ที่เด็กเล็กบางกลุ่มสุ่มเสียงที่จะมีสมาธิสั้น อารมณ์ร้อนและมีพฤติกรรมก้าวร้าวจากการติดเกม ติดโทรศัพท์, Tablet ของผู้ปกครองนั่นเอง

ส่วนโหมดมอเตอร์ไซค์ตรงนี้แม้จะขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเป็นหลักที่จะเลือกปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของความปลอดภัยหรือไม่ ทั้งการสวมใส่หมวกกันน็อค การปฏิบัติตามกฎจราจร ฯลฯ  แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างสรรค์ในเชิงบวกที่น่าชื่นชมมากๆ ครับ

ฟีเจอร์ในด้านความปลอดภัย Vivo Y19 มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยป้องการใช้งานในภาพรวมได้อย่างคลอบคลุม ทั้งข้อมูลส่วนตัวการเข้ารหัสแอป ตู้เซลไฟล์ การล็อคซิมการ์ด และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมายที่สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้งานอุ่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด

ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย ด้วยผู้ช่วยอัฉริยะ i-Manager ที่มาพร้อมความสามารถครบครัน ทั้งสแกนไวรัส ลบไฟล์ขยะ ระบายความร้อน สำรองข้อมูลและจัดการด้านพลังงาน

ในภาพรวม Vivo Y19 มีการจัดสรรพลังงานได้น่าประทับใจมาก ถ้าเป็นการใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้ครบวันแบบสบาย ๆ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้แบตเตอรี่ความจุมหาศาลถึง 5,000mAh ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน รวมถึง Firmware ที่ปรับแต่งมาให้สามารถจัดสรรพลังงานได้อย่างเหมาะสม ส่วนถ้าใครเน้นเล่นเกมหรือใช้งานหนัก ๆ ก็ไม่ต้องซีเรียสครับ เพราะ Vivo Y19 รองรับชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี Dual-Engine Fast Charging ที่ใช้เวลาเพียง 15 นาที สามารถชาร์จได้ถึง 24% เลยทีเดียว

 

ประสิทธิภาพ

Vivo Y19 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio P65 (MT6768) บนสถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร ประมวลผล Octa-core 2x 2.0 GHz ARM Cortex-A75, 6x 1.95 GHz ARM Cortex-A55 (8 คอร์) เมื่อทำงานร่วมกับ RAM 6GB แบบ LPDDR4X จึงส่งผลให้สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพ และเมื่อดูจากผลคะแนนแล้วจะเห็นว่า Vivo Y19 นั้นแรงกระทบไหล่รุ่นพี่ในซีรีส์ V ได้แบบสบาย ๆ

ส่วนในแง่การใช้งานจริงถือว่าเป็นรุ่นกลาง ๆ ที่มาพร้อมความลื่นไหล และความแรงในระดับที่นำไปใช้งานทั่วไปและเล่นเกมได้แบบสบาย ๆ  สำหรับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน อาทิ  Gyroscope, Magnetic,  Accelerometer ส่วนภาครับสัญญาณ GPS ก็มีความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ

 

มัลติมีเดียและความบันเทิง

Music Player มาพร้อมจุดเด่นด้าน Software ด้วยฟีเจอร์ DeepField เอฟเฟ็กต์เสียงที่พัฒนาโดย Vivo ทำให้เสียงที่ได้มีความนุ่มลึก คมชัดใสเคลียร์ รองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทาง 360 องศา อีกทั้งยังปรับแต่งเสียงผ่าน EQ ได้ยืดหยุ่นและตรงใจผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ชื่นชอบการฟังเพลง Vivo Y19 นั้นไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน

ยุคนี้อาจจะไม่ค่อยเห็นสมาร์ทโฟนใส่ FM มาให้ใช้งาน แต่ทางค่าย Vivo  ยังเล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มผู้ใช้งานที่ยังชื่นชอบการรับฟังวิทยุ FM จึงไม่แปลกใจที่หลาย ๆ รุ่นยังคงมาพร้อมกับ FM ซึ่งบน Vivo Y19 เป็น FM แบบทศนิยมหนึ่งจุด ทีมีภาครับสัญญาณถือว่าคมชัดใช้ได้เลยครับ ส่วนฟีเจอร์ก็ให้มาอย่างครบถ้วน เช่นการบันทึกไว้ฟังในแบบออฟไลน์ภายหลังเป็นต้น

Video Player บน Vivo Y19 รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียด 4K ได้อย่างไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น

ทดสอบการเล่นเกม

ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา แม้จะไม่ได้เปิดโหมดเฟรมเรทสูง แต่เมื่อเลือกภาพแบบ HD ก็สามารถสัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมที่สมูทลื่นไหล แถมเฟรมเรทไม่ตกโดยสามารถรักษาความ stable ไว้ที่ระดับ 30fps แบบต่อเนื่อง

สำหรับ PUBG เกม Tactical-FPS สามมิติเต็มรูปแบบ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ต้องการทรัพยากรขั้นสูง หากต้องการเล่นบนความละเอียดคมชัดระดับ HD พร้อมความลื่นไหล ซึ่งไม่มีปัญหากับ Vivo Y19 แต่อย่างใด เพราะสเปครองรับอยู่แล้ว เรียกว่าเล่นได้ลื่น ๆ ไม่หงุดหงิดหัวร้อนอย่างแน่นอน

ปิดท้ายกันด้วยเกมสุดฮอตของชั่วโมงนี้ Call of Duty Mobile โดยใช้ค่าเริ่มต้นของเกม พบว่าสามารถเล่นได้แบบไหลลื่นสมูทสุด ๆ  ซึ่งไม่พบอาการแลคหรือหน่วงให้เห็น ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับ Firmware ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี รวมถึงฟีเจอร์ Ultra-Game Mode ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ Vivo Y19 เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยมในราคาที่จับต้องได้

 

ทดสอบกล้องหน้า/หลัง

ในส่วนของ User Interface  หรือหน้าตาเมนูกล้อง มีการปรับเลย์เอาท์ใหม่ ให้ความใกล้เคียงกับรุ่นพี่ Vivo V17Pro โดยมุมขวาบนของเมนูกล้องจะแสดงไอคอนรูปม่านชัตเตอร์ ซึ่งตรงนี้จะเป็นเมนูทางลัดเพื่อเข้าถึงโหมด Ultra wide angle, Bokeh, และ Super macro

ส่วนด้านบนของเมนูจะเป็นไอคอนที่เข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ของกล้อง อาทิเช่น เปิด/ปิดการใช้งานแฟลช, โหมด HDR, Filter-Portrait light effect, อัตราส่วนของภาพ และการตั้งค่าโดยรวมของกล้อง

ในส่วนการตั้งค่าหลักจะเน้นไปที่การอำนวยความสะดวกในการใช้งาน อาทิเช่น ตัวจับเวลา, การสั่งถ่ายด้วยวิธีแตะหน้าจอ, ถ่ายด้วยคำสังเสียง และฝ่ามือ, เลือกพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ต้องการบันทึก, การใส่ลายน้ำ, ปิดเสียงชัตเตอร์, ระบุ GPS, ตารางจุดตัด,  AI Portrait Framing เป็นต้น

 

กล้องหน้าให้ความละเอียดมาที่ 16 ล้านพิกเซล และมีค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 ซึ่งช่วยให้ถ่ายภาพได้ดีในทุกสภาพแสง ส่วนฟีเจอร์ในภาพรวมยังคงอัดแน่น ไม่ว่าจะเป็น Portrait light effect , AR Stickers, AI Filter, AI Face Beauty ที่สามารถใช้ความฉลาดจาก AI มาช่วยให้การถ่ายเซลฟี่มีความสนุกและได้ผลลัพธ์อันน่าประทับใจ แถมยังมีโหมด 3D Face Shaping ที่สามารถปรับแต่งการเซลฟี่ให้ยืดหยุ่นและตรงกับความต้องการของเราได้มากที่สุด เช่นปรับผิวนวลกระจ่างใส, ปรับโครงสร้างใบหน้า, ปรับให้ดวงตากลมโต, ริมฝีปากอิ่ม, จมูกเรียวโด่ง, คางเรียว เป็นต้น

 

ทดสอบกล้องหน้า

ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto เมื่อดูไฟล์ภาพที่ถ่ายทอดออกมาก็คงต้องบอกว่าไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ยังคงทำผลงานได้ดีตามมาตรฐานของทางค่าย

ลองใช้ AI Face Beauty ภาพที่ได้ดูสวยงามขึ้นแบบสัมผัสได้ เช่นสีของแก้มและลิปสติกเป็นต้น รวมไปถึงโครงสร้างของใบหน้าและสกินโทนที่ปรับแต่งให้มีความกระจ่างใสในแบบเป็นธรรมชาติ

สำหรับโหมด AI Face Beauty ตัวระบบ AI จะคำนวนความเหมาะสมให้เข้ากับใบหน้าของเราโดยอัตโนมัติ โดยภาพที่ถ่ายด้วยโหมด AI ค่อนข้างดูลงตัวเป็นธรรมชาติและใช้งานง่าย เพราะจะให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันในทุกสถานการณ์

กล้องหน้ามาพร้อม Filter และฟีเจอร์ Portrait light effect ที่ช่วยเสริมให้การถ่ายภาพบุคคลมีความน่าตื่นตาตื่นใจ โดยจะให้ฟิลลิ่งที่แปลกใหม่โดยไม่ต้องพึงพาอุปกรณ์เสริม ตัวอัลกอริทึม AI ของ Y19 จะปรับภาพใบหน้าสองมิติให้กลายเป็นสามมิติ และปรับแสงที่ใบหน้า ให้ภาพออกมามีความโดดเด่น ซึ่งเราสามารถเลือกเอฟเฟ็กต์ได้ทั้งแบบ  Natural light, Studio light, Stereo light, Loop light, Rainbow light, และ Monochrome background

Portrait light effect

Natural light

Studio light

Stereo light

Loop light

Rainbow light

Monochrome background

ทดสอบในที่แสงน้อย กล้องหน้าก็ยังให้คุณภาพที่น่าประทับใจ ผู้ใช้งานมั่นใจได้เลยว่า Vivo Y19 สามารถถ่ายเซลฟี่ได้ดีในทุกสภาพแสง

 

Pose Master

นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง Posture ที่โดนใจคนรักการถ่ายภาพอย่างแน่นอน เพราะฟีเจอร์นี้มีหลักการทำงาน ด้วยการแสดงตัวอย่างไกด์ไลน์ในการแอคติ้ง หรือการโพสท่าทางนั่นเอง โดยจะมีเส้นประแสดงควบคู่กับภาพแอคติ้งตัวอย่าง ซึ่งผู้ใช้งานเพียงแค่ให้แบบแสดงท่าทางตามตัวอย่างและจัดองค์ประกอบให้แบบเข้าไปอยู่ในเส้นประ เพียงเท่านี้เราก็จะได้ภาพถ่ายที่สวยโดนใจไม่แพ้การโพสท่าจากนางแบบ นายแบบมืออาชีพกันเลยทีเดียว

สำหรับฟีเจอร์ Posture รองรับการใช้งานทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังในโหมด Portrait 

 

AI Makeup

เป็นฟีเจอร์ “แต่งสวยหลังถ่ายเสร็จ”  โดย AI Makeup มีโหมดที่ช่วยเปลี่ยนการแต่งหน้าเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ซึ่งมีทั้ง Style ที่เป็นการแต่งหน้าสำเร็จรูปให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบ,

โหมดบิวตี้ ที่สามารถปรับแต่งการเซลฟี่ให้ยืดหยุ่นและตรงกับความต้องการของเราได้มากที่สุด เช่นปรับผิวนวลกระจ่างใส, ปรับโครงสร้างใบหน้า, ปรับให้ดวงตากลมโต, ริมฝีปากอิ่ม, จมูกเรียวโด่ง, คางเรียว เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถเติมเมคอัพเฉพาะส่วนได้ง่าย ๆ เช่นเติมสีลิปสติก บลัชออน และรูปแบบของคิ้ว

สุดท้ายคือฟีเจอร์ Slim ที่มีหลักการทำงานคล้าย ๆ กับ AI Body Shaping นั่นเอง โดยสามารถปรับแต่งรูปร่างให้ดูเพรียวบางสมส่วน เช่น ปรับในภาพรวมของรูปร่างหรือเฉพาะจุดที่ต้องการ เช่น ศีรษะ ไหล่ สะโพก ขา หรือเอวให้ดูเล็กลงได้เป็นต้น

 ทั้งนี้ AI Makeup สนับสนุนเฉพาะในอัลบั้ม โหมดกล้องไม่รองรับ

ภาพต้นฉบับ

ใช้งาน AI Makeup

ประโยชน์ของ AI Makeup จะช่วยให้การแต่งหน้าดูทันสมัยมากขึ้น และสวยงามที่สุดในสไตล์ที่เราชื่นชอบนั่นเอง

 

ทดสอบกล้องหลัง

กล้องหลัง AI Triple Camera ถ่ายสวยในทุกระยะ และมีฟีเจอร์เหมือนกล้องหน้าทุกประการ

กล้องหลังโดดเด่นไม่แพ้กล้องหน้า ทั้งในเรื่องความคมชัด ความแม่นยำของไวท์ บาลานซ์ และสกินโทนที่ให้ความเป็นธรรมชาติ

ทดสอบโหมด Portrait พร้อมเปิดใช้ Bokeh effect การละลายฉากหลังทำได้ดีมาก โดยให้ความละมุนดูมีความเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเก็บรายละเอียดของเส้นขอบได้ค่อนข้างดี

ทดสอบ Portrait พร้อมเปิดใช้ Bokeh effect และปรับ 3D Face Shaping อีกเล็กน้อย ก็จะให้ภาพที่ดูสวยงามลงตัวมากยิ่งขึ้น

 

มี Portrait light effect ให้ใช้งานเหมือนกล้องหน้า โดยประกอบไปด้วย Studio light, Stereo light, Loop light, Rainbow light, Monochrome background

Studio light

Stereo light

Loop light

Rainbow light

Monochrome background

ทดสอบกล้องหลังในระยะต่าง ๆ 

Normal

Zoom 2x

Ultra wide angle (มุมกว้างพิเศษ)

Normal mode

Ultra wide angle (มุมกว้างพิเศษ)

ในโหมด Ultra-Wide จะให้มุมมองกว้างเป็นพิเศษถึง 120 องศา ช่วยให้เก็บองค์ประกอบของภาพได้มากยิ่งขึ้นแม้ในพื้นที่จำกัด ทำให้สามารถถ่ายวิวทิวทัศน์ในมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ต้องถอยไกล  รวมถึงสามารถเก็บภาพถ่ายแบบหมู่คณะผองเพื่อนได้อย่างครบถ้วนไม่ตกหล่นอีกต่อไป

Normal mode 

Super macro

สามารถถ่ายภาพระยะใกล้ได้ถึง 4 ซม. ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดวัตถุชิ้นเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่นภาพแมลง หรือวัตถุที่ต้องการเน้นความคมชัดและรายละเอียด ซึ่งเลนส์มาโครจะช่วยให้การถ่ายภาพนั้นสนุกและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวันได้อย่างแน่นอน

 

Auto Mode

Pro Mode

สำหรับ Vivo Y19 ไม่ได้มี Night Mode มาให้ใช้งาน แต่ผู้ใช้สามารถเลือกใช้โหมดโปรเข้ามาทดแทนได้ โดยสามารถเลือกปรับสปีดชัตเตอร์หรือ iso และอาจจะใช้งานร่วมกับขาตั้งกล้องเพื่อให้ได้ภาพกลางคืนที่สว่างและคมชัดขึ้นจากโหมด Auto นั่นเอง นอกจากนี้ Pro mode ยังรองรับการบันทึกไฟล์ RAW ได้อีกด้วย

สรุป Vivo Y19

หลังจากได้ลองสัมผัส Vivo Y19 มาสักพักใหญ่ ๆ สิ่งแรกที่ประทับใจมาก ๆ คือดีไซน์ที่สวยล้ำสมัย ด้วยการออกแบบ Shimmering Color Design ทำให้ Vivo Y19 เป็นสมาร์ทโฟนที่มองนาน ๆ ก็ไม่รู้สึกเบื่อแต่อย่างใด เมื่อรวมกับจุดเด่นรอบด้านทั้งเรื่องของประสิทธิภาพโดยรวมที่สามารถตอบทุกโจทย์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไป หรือเน้นด้านความบันเทิงอย่างการรับชมคอนเทนต์ความละเอียดสูง ๆ รวมถึงการเล่นเกม และแน่นอนสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือคุณภาพกล้องหน้า/หลัง ซึ่ง Vivo Y19 สามารถสอบผ่านได้แบบสบาย ๆ เพราะทำผลงานได้ดีตามเกณฑ์มาตรฐานของทางค่าย เมื่อรวมกับฟีเจอร์ชาร์จเร็วและ Reverse Charging ในราคาต่ำหมื่น สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ Vivo Y19 เป็นสมาร์ทโฟนซีรีส์ Y ที่มาพร้อมความครบเครื่องครบครัน ทั้งด้านประสิทธิภาพ ความสวยงามและความคุ้มค่าอย่างแท้จริง

 

Vivo Y19 Pre Order

Vivo Y19  มีให้เลือกถึง 2 สีด้วยกัน ได้แก่  Magnetic Black  (สีดำ)  และ  Spring White (สีขาว) สีสันที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความลึกลับของธรรมชาติ มีการไล่ระดับสีอย่างลงตัว แสงและเงาที่กระทบบนตัวเครื่อง ให้มุมมองสีสันที่แตกต่าง  ทำให้ดูมีมิติมากขึ้น  โดยเปิดราคาสุดคุ้มเพียง  6,999 บาทเท่านั้น

โดยสำหรับท่านที่สนใจโดยสามารถ Pre – Order เพื่อเป็นเจ้าของก่อนใคร  สามารถ Pre-Order ได้ตั้งแต่วันที่ 1 –  10  พฤศจิกายน  2562 โดยมีรายละเอียดเงื่อนไขการสั่งจอง ดังนี้

 

รายละเอียดเงื่อนไขการสั่งจอง

ลูกค้าสามารถทำการสั่งจองผ่านร้าน Vivo Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายโดยมีรายละเอียดดังนี้ :

  • ลูกค้าที่ทำการจอง Vivo Y19 ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขาและร้านตัวแทนจำหน่าย  รับสิทธิ์ได้เครื่องก่อนใครพร้อมทั้งได้รับสิทธิพิเศษอื่น ๆ มากมาย :
    1. ลูกค้าจ่ายค่ามัดจำในการจองเพียง 500 บาท พร้อมทั้งกรอกรายละเอียดการจองและตรวจสอบการจองให้ครบถ้วน หากเกิดข้อผิดพลาดจากตัวผู้จองเอง ทางบริษัท วีโว่ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น ในทุกรณี
    2. ต้องนำใบการจอง พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมารับสินค้า พร้อมทั้งชำระค่าส่วนต่างในวันรับเครื่อง
  • ลูกค้าสามารถรับเครื่อง Vivo Y19 ในสาขาที่ทำการจองเท่านั้น มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ในการรับของแถม พร้อมทั้งสงวนสิทธิ์ในการคืนค่ามัดจำในทุกกรณี
  • ระยะเวลาเปิดรับการจองเริ่มตั้งแต่วันที่  1 –  10  พฤศจิกายน  2562 เท่านั้น Vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
  • บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • หากมีข้อสงสัยในการสั่งจองสามารถติดต่อได้ที่ : บริษัท วีโว่ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด เลขที่ 729/117-121 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทร. 02-284-0333 Fax. 02-2943988 Call Center. 02-294-3111-2 หรือที่  vivo.co.th
  • สำหรับผู้ที่ทำการจอง Vivo Y19  สามารถรับเครื่องพร้อมของแถมในวันที่ 11  พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป
  • และหากท่านใดสนใจที่จะสั่งจองผ่านการสั่งซื้อออนไลน์ก็สามารสั่งได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ดังนี้
  • http://bit.ly/2PHKWZc >> Thisshop,
    ( สำหรับลูกค้าที่สั่งจองผ่าน Thisshop หากลูกค้าไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถผ่อนได้ )
  • http://bit.ly/2JkMBzV >> Lazada
  • http://bit.ly/2Wv0wcc >> Shopee
  • http://bit.ly/2pmalgC >> JD
Facebook Comments

Related Posts