ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์
vivo Y30 5G มาพร้อม Android 12 ตั้งแต่แกะกล่องพร้อมใช้งานทันที โดยไม่ต้องรอการอัปเดต และครอบทับด้วย Funtouch OS 12 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดเช่นกัน มีการปรับเปลี่ยน UI ใหม่ดูมินิมอลมากขึ้น สีสันมีความอ่อนนุ่ม และตัวไอคอนมีความสวยงามโมเดิร์นแบบสัมผัสได้ ส่วนเมนูการตั้งค่าต่าง ๆ มีการปรับเปลี่ยนให้ดูคลีนสะอาดตาและใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนธีม หรือภาพพื้นหลังรวมถึงรูปแบบตัวอักษรได้ตามสไตล์การใช้งาน พร้อมทั้งตั้งค่ารูปแบบ Home Screen ได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ
Jovi Home
เมื่อเลื่อนหน้าจอจากด้านซ้ายไปยังด้านขวาของหน้าโฮมเพจ จะเข้าสู่ Jovi Home ซึ่งเป็นหน้าหลักที่รวบรวมแอปพลิเคชันทั้งหมดไว้ด้วยกัน พร้อมการออกแบบสไตล์การ์ดที่ใช้งานง่าย โดยมีไฮไลท์ที่น่าสนใจดังนี้
Shortcuts – ทางลัดที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง แอปพลิเคชันการล้างพื้นที่เครื่อง เครื่องคิดเลข ล็อคแอปพลิเคชั่น และอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
Suggestions – คำแนะนำที่สามารถแจ้งเตือนอัจฉริยะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นเวลาพักผ่อน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
My Services – สามารถปรับแต่งตามความสนใจของคุณ เช่น เกี่ยวกับการแข่งขันกีฬา ข้อมูลด้านสุขภาพ การออกกำลังกาย หรือคำแนะนำเกี่ยวกับการดื่มน้ำ และการพยากรณ์อากาศ
Dynamic Effects จะช่วยเสริมการใช้งานสมาร์ตโฟนของเราให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกเอฟเฟกต์สำหรับการตั้งค่าปลดล็อกและเข้าสู่ภาพเคลื่อนไหวหน้าจอหลัก, ภาพเคลื่อนไหวการจดจำใบหน้า และภาพเคลื่อนไหวการชาร์จ
ฟีเจอร์ EasyShare ถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
โดย EasyShare ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายโอนข้อมูลจากโทรศัพท์เครื่องเก่าไปยังเครื่องใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ หมดปัญหาข้อมูลหายหลังจากเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่อีกต่อไป
Dark Mode ฟีเจอร์ที่จะช่วยให้การใช้งานในตอนกลางคืนเป็นไปอย่างราบลื่น และส่งผลดีต่อสุขภาพดวงตาของของผู้ใช้งาน โดยหลักการทำงานของฟีเจอร์ Dark Mode จะเปลี่ยนพื้นหลังให้เป็นสีดำ เพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมในที่แสงน้อยได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยทั้งเรื่องของการประหยัดพลังงาน พร้อมถนอมสายตา และก่อให้เกิดความผ่อนคลายแก่ผู้ใช้งานอีกทางหนึ่งด้วย
(Dark Mode สามารถใช้งานได้กับบางแอปฯ)
vivo Y30 5G มาพร้อมฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรที่มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี 5G ในแบบ NSA / SA (Dual-Mode) สามารถจับสัญญาณ 5G/4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับการโทรผ่าน Wi-Fi และ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูง มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย
สำหรับปุ่มนำทาง สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ และสามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%
โดย Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เหลือพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รูปแบบการสั่งการแบบไหน เช่นการลากจากขอบด้านล่างจากตำแหน่งตรงกลาง เพื่อกลับไปที่หน้าโฮม ซึ่งก็เหมือนการกดที่ปุ่มโฮมนั่นเอง
โหมดใช้งานมือเดียวและการจับภาพหน้าจอที่มีความหลากหลาย สำหรับการจับภาพหน้าจอก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษของ vivo โดยสามารถจับภาพหน้าจอได้ยืดหยุ่นมาก ๆ ทั้งการลาก 3 นิ้วขึ้นไปจากหน้าจอแสดงผล
รวมไปถึงการจับภาพหน้าจอแบบยาวๆ หรือรูปแบบอิสระ อีกทั้งยังบันทึกหน้าจอในรูปแบบของวีดีโอได้อีกด้วย และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กันถึง 2 แอคเคาท์ในเครื่องเดียว
สำหรับโหมดการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ตโฟนของ vivo ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่น วาดตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่น, ปลดล็อคด้วยการโบกมือผ่านหน้าจอ การแจ้งเตือน การรับสายหรือเปลี่ยนเป็นโหมดแฮนด์ฟรีอัตโนมัติ ฯลฯ
ฟีเจอร์ยอดนิยมที่มีมาให้ใช้งานอย่างยาวนาน ก็คือโหมดการแบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน เช่นแชทไปด้วยด้วยพร้อมดู YouTube ในขณะเดียวกัน
ซึ่งบน vivo Y30 5G นั้นเรียกใช้งานการแบ่งหน้าจอได้ง่าย ๆ เพียงลาก 3 นิ้วจากด้านล่างขึ้นไปยังด้านบนของจอแสดงผล ก็จะสามารถใช้งาน 2 แอปฯในหนึ่งหน้าจอได้ในทันที
ฟีเจอร์ในด้านความปลอดภัยก็ถือว่าจัดเต็ม โดย vivo Y30 5G มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยป้องการใช้งานในภาพรวมได้อย่างคลอบคลุม ทั้งข้อมูลส่วนตัวการเข้ารหัสแอป ตู้เซลไฟล์ การล็อคซิมการ์ด และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมายที่สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้งานอุ่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด
ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย ด้วยผู้ช่วยอัฉริยะ iManager ที่มาพร้อมความสามารถครบครัน สามารถตรวจสอบความปลอดภัยสมาร์ทโฟนของคุณทั้งสแกนไวรัส และระบุไฟล์ที่เป็นอันตรายต่อสมาร์ตโฟน รวมทั้งยังมาพร้อมความสามารถอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการลบไฟล์ขยะ ระบายความร้อน สำรองข้อมูลและจัดการด้านพลังงานเป็นต้น
Multi-Turbo 4.0
vivo Y30 5G จะพาผู้ใช้งานไปสัมผัสประสบการณ์ความรวดเร็วในการเล่นเกมด้วย Multi-Turbo 4.0 โดยมาพร้อม Center Turbo ที่ช่วยให้การเรียกใช้งานแอปพลิเคชั่นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึง AI Turbo ที่ทำงานได้อย่างชาญฉลาด สามารถวิเคราะห์ปัญหาของระบบที่เกิดจากแอปพลิเคชั่นได้ (third-party apps) มอบประสิทธิภาพของเครือข่ายที่ดีขึ้น การระบายความร้อนอย่างรวดเร็วไปจนถึงฟังก์ชั่น AI และการเล่นเกมที่ไหลลื่น ประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นกว่าที่เคย
Ultra-Game Mode มาพร้อมเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ซึ่งได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด สามารถเล่น E-sports ได้อย่างมืออาชีพโดยใช้ Competition Mode เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น เพียงแค่ลากสามนิ้วจากหน้าจอลงมา จะปรากฏฟีเจอร์ Picture-in-Picture ที่ช่วยให้คุณสามารถแชทสนทนาขณะเล่นเกมได้อีกด้วย และนอกจากนี้ยังช่วยให้การเล่นเกมมีความต่อเนื่องไร้การรบกวนจากแจ้งเตือนข้อความและการแจ้งเตือนแอปพลิเคชันอื่น ๆ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพแบบสัมผัสเพื่อป้องกันการจับภาพหน้าจอในขณะเล่นเกมที่เกิดจากการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ
และยังฟีเจอร์เด่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น อาทิเช่น โหมดอีสปอร์ต และ Autoplay with screen off ที่สามารถเล่นเกมต่อเนื่องอัตโนมัติในขณะหน้าจอดับได้อีกด้วย
Game Space เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์สำครับคอเกม โดยเป็นศูนย์รวมของเกมที่น่าสนใจ ที่มีการแบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการค้นหาและดาวน์โหลด นอกจากนี้ Game Space ยังมาพร้อมความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญในระหว่างการเล่นเกม เช่น ดูข้อมูล CPU อุณหภูมิ และปริมาณข้อมูลการใช้งาน โดยทำงานร่วมกับ Ultra Game Mode ที่สามารถปิดข้อความ และการแจ้งเตือนต่าง ๆ ในขณะเล่นเกม ให้คุณสามารถมุ่งเน้นไปกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่
ในภาพรวม vivo Y30 5G มีการจัดสรรพลังงานได้น่าประทับใจมาก ถ้าเป็นการใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้ครบวันแบบสบาย ๆ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5000mAh ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน รวมถึง Firmware ที่ปรับแต่งมาให้สามารถจัดสรรพลังงานได้อย่างเหมาะสม
ประสิทธิภาพ
vivo Y30 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตรุ่นใหม่ Dimensity 700 บนสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร ประมวลผล Octa-core (2×2.0 GHz Cortex-A77 & 6×1.8 GHz Cortex-A76) หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G76
ส่วนในแง่การใช้งานจริงถือว่าเป็นสมาร์ตโฟน Mid-Range ระดับกลางค่อนไปทางสูงที่มาพร้อมความลื่นไหล และความแรงในระดับที่นำไปใช้งานทั่วไปและเล่นเกมที่มีกราฟิกหนัก ๆ ได้แบบสบาย ๆ สำหรับเซนเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน อาทิ Gyroscope, Magnetic, Accelerometer ในส่วนของภาครับสัญญาณ GPS พบว่ามีความเร็วและความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ
มัลติมีเดียและความบันเทิง
Music Player บน vivo Y30 5G มาพร้อมจุดเด่นด้าน Software ด้วยฟีเจอร์ DeepField เอฟเฟ็กต์เสียงที่พัฒนาโดย vivo ทำให้การถ่ายทอดเสียงที่ได้มีความนุ่มลึก คมชัดใสเคลียร์ รองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทาง 360 องศา อีกทั้งยังปรับแต่งเสียงผ่าน EQ ได้ยืดหยุ่นและตรงใจผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ชื่นชอบการฟังเพลงไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ในปัจจุบันเราอาจจะไม่ค่อยเห็นสมาร์ทโฟนใส่ FM มาให้ใช้งานเหมือนเมื่อก่อน แต่ทางค่าย vivo ยังเล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มผู้ใช้งานที่ยังชื่นชอบการรับฟังวิทยุ FM จึงไม่แปลกใจที่หลาย ๆ รุ่นยังคงมาพร้อมกับ FM ซึ่งบน vivo Y30 5G เป็น FM แบบทศนิยมหนึ่งจุด ทีมีภาครับสัญญาณถือว่าคมชัดใช้ได้เลยครับ ส่วนฟีเจอร์ก็ให้มาอย่างครบถ้วน เช่นการบันทึกไว้ฟังในแบบออฟไลน์ภายหลังเป็นต้น
สำหรับ Video Player บน vivo Y30 5G รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียด 4K ได้อย่างไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น
ทดสอบการเล่นเกม
เริ่มต้นกันด้วยเกม Call of Duty ที่สามารถปรับตั้งค่า คุณภาพกราฟิก MEDIUM และ เฟรมเรท HIGH ในการทดสอบใช้งานจริง พบว่าการเล่นเกมอย่างต่อเนื่อง ไม่พบอาการแลคหรือหน่วงให้หงุดหงิดใจ สามารถเล่นได้ไหลลื่น และมีความเสถียรในระดับที่น่าพึงพอใจมาก ๆ
ต่อกันด้วย PUBG Mobile เกม Tactical-FPS สามมิติเต็มรูปแบบ เบื้องต้นสามารถตั้งค่ากราฟิกที่ระดับ HD และเฟรมเรทระดับสูง ซึ่งในการทดสอบจริง ทั้งการเคลื่อนไหว รวมถึงแอคชั่นต่าง ๆ ภายในเกมนั้นให้ความลื่นไหลที่ดีมาก ๆ เรียกว่าเล่นได้ไหลลื่น ไม่พบอาการหน่วงให้หัวร้อนอย่างแน่นอน
ปิดท้ายกันไปด้วย ROV อีกหนึ่งเกมฮิตของบ้านเรา โดยค่าเริ่มต้น ตั้งค่า FPS ระดับสูง ซึ่งพบว่าสามารถเล่นได้แบบไหลลื่นสมูทสุด ๆ ซึ่งไม่พบอาการแลคหรือหน่วงให้เห็น ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับ ชิปเซ็ตและ Firmware ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี รวมถึงฟีเจอร์ Ultra-Game Mode ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ vivo Y30 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่ตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยมในราคาที่จับต้องได้
อ่านต่อ… คลิ๊กที่นี่ >>> Pages 3