กระแสแท็บเล็ตกลั
สเปคเบื้องต้น Xiaomi Pad 5
ขนาด | 254.69 x 166.25 x 6.85 มม. |
น้ำหนัก | 511 กรัม |
หน้าจอแสดงผล | หน้าจอแสดงผล IPS LCD ขนาด 11 นิ้ว อัตราส่วน 16:10 ความละเอียด: WQHD+ 1600 x 2560 พิกเซล (275 ppi) 1 พันล้านสี อัตรารีเฟรช 120Hz ความสว่างสูงสุด 500 nits รองรับ Dolby Vision, DCI-P3 มาพร้อมฟีเจอร์ตัดแสงสีฟ้าและถนอมสายตา |
หน่วยประมวลผล | ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 860 (7 nm) Octa-core (1×2.96 GHz Kryo 485 Gold & 3×2.42 GHz Kryo 485 Gold & 4×1.78 GHz Kryo 485 Silver) หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 640 |
RAM | 6GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128/256GB |
microSD Card |
ไม่รองรับ |
ระบบปฏิบัติการ | MIUI 12.5 บนพื้นฐาน Android 11 |
เชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 Wi-Fi โปรโตคอล 802.11a/b/g/n/ac USB-C |
กล้องถ่ายภาพ |
กล้องหลัง: AI Single Camera กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 Dual-LED flash, HDR, รองรับการบันทึกวิดีโอ 4k | 30fps1080p | 30fps720p | 30fps ——————————————————- |
cellular |
ไม่รองรับ |
ลำโพง |
4 ลำโพงรองรับ Dolby Atmos® |
แบตเตอรี่ | 8720mAh รองรับชาร์จไว 33W |
สี | สีที่วางจำหน่ายในไทย Pearl White, Cosmic Gray |
ราคา | ราคาเปิดตัว 6 GB + 128 GB ราคา 10,990 บาท 6 GB +256GB ราคา 12,990 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องแพ็กเกจจิ้งของ Xiaomi Pad 5 มาในโทนสีขาวสะอาดตา โดยด้านหน้าจะมีเพียงชื่อแบรนด์และรุ่น ส่วนด้านล่างจะกำกับด้วยไฮไลท์ฟีเจอร์ด้านความบันเทิงที่เป็นจุดขาย ทั้ง Dolby Vision และ Dolby Atmos
ด้านใต้กล่องจะระบุรายละเอียดเบื้องต้นทั้งในส่วนของสีตัวเครื่อง และ ROM/RAM ที่เลือกใช้งาน
Unboxing
อุปกรณ์ภายในกล่องจะประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง Xiaomi Pad 5
- อะแดปเตอร์ชาร์จ 22.5W
- สายดาต้าลิงค์แบบ USB Type-C
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ, และใบรับประกันสินค้า
รูปลักษณ์ดีไซน์/การออกแบบ
Xiaomi Pad 5 เป็นแท็บเล็ตที่มาพร้อมดีไซน์ luxury มอบสัมผัสเรียบหรู ผ่านแนวทางการนำเสนอในสไตล์มินิมอล ด้วย curve แบบรอบด้าน ผสานด้วยสันเหลี่ยมของขอบด้านข้าง เผยให้เห็นถึงความเพรียวบางที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยตัวเครื่องที่มีความบางเพียง 6.85 มม. และมีน้ำหนัก 511 กรัม เมื่อเทียบกับมิติของตัวเครื่องแล้ว Xiaomi Pad 5 ถือว่าบางเบา สามารถพกพาไปใช้งานในทุกสถานที่โดยไม่รู้สึกอึดอัดอย่างแน่นอน
Xiaomi Pad 5 มาพร้อมหน้าจอกว้าง 11 นิ้ว ให้ความคมชัดระดับ WQHD+ และแสดงผลได้ลื่นไหลด้วยรีเฟรชเรต 120Hz อีกทั้งยังจัดเต็มด้วยเทคโนโลยี True Display สามารถแสดงผลได้อย่างสวยงามสมจริง ซึ่งหน้าจอสามารถปรับแต่งการแสดงผลได้อัตโนมัติเพื่อให้ภาพใกล้เคียงกับภาพจริงโดยอาศัยสภาพแสงในช่วงเวลานั้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Sunlight Display ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเห็นภาพที่ชัดเจนถึงแม้จะอยู่ในที่ที่แสงอาทิตย์จัดก็ตาม
สำหรับกล้องหน้าจะให้ความละเอียดมาที่ 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.0 โดยจัดวางเลย์เอาท์ไว้ที่ตรงกลางของขอบจอด้านบน ในแง่คุณภาพต้องบอกว่าทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ สามารถใช้งานด้านการประชุมหรือเรียนออนไลน์ได้อย่างคมชัด ถือว่าตอบโจทย์ในช่วง WFH ได้ดีเลยทีเดียว
กล้องด้านหลังได้รับการออกแบบในสไตล์ Deco Style ซึ่งคล้ายกับกล้องหลังของสมาร์ตโฟนตระกูล Xiaomi 11 Series นั่นเอง โดยเป็นแบบ Single Camera พร้อม AI หรือปัญญาประดิษฐ์อันชาญฉลาด แน่นอนว่าเมื่อเทียบคุณภาพกับสมาร์ตโฟนแล้ว อาจจะยังไม่เด่นมากนัก แต่ถ้าเทียบกับ Tablet ในท้องตลาด Xiaomi Pad 5 ถือว่าทำผลงานได้โดดเด่นไม่แพ้คู่แข่งในเรตระดับเดียวกันอย่างแน่นอน
ที่ด้านบนของตัวเครื่อง จะมีปุ่มพาวเวอร์, ไมโครโฟน และลำโพงคู่ พร้อม certified “Dolby Vision Atmos”
ส่วนด้านล่างจะประกอบด้วย ไมโครโฟน พอร์ต Type- C และลำโพงอีกหนึ่งคู่ รวมเป็น 4 ลำโพง
ด้านขวามือของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง ไมโครโฟนคู่ ตรงกลางจะเป็นแถบชาร์จแบบแม่เหล็กสำหรับ Xiaomi Smart Pen
ส่วนฝั่งซ้ายตรงกลางจะเป็น แถบแม่เหล็กและพินที่ใช้เชื่อมต่อกับเคสคีย์บอร์ด
Xiaomi Smart Pen
สำหรับ Xiaomi Smart Pen จะไม่มีแถมมาในกล่อง เป็นอุปกรณ์เสริมที่ต้องซื้อแยกต่างหาก
ตัวปากกา Xiaomi Smart Pen จะมีขนาดและน้ำหนักที่ใกล้เคียงกับปากหมึกซึมทั่ว ๆ ไป โดยมีขนาดความยาว 152 มม. และน้ำหนักเบาเพียง 12.2 กรัม ตัวปากกาเป็นแท่งทรงกลม แต่อีกฝั่งจะตัดขอบเรียบเพื่อใช้ในการวางชาร์จเข้ากับตัว Xiaomi Pad 5 นั่นเอง
มาพร้อมปุ่มกด 2 ปุ่ม โดยปุ่มบนเมื่อกดค้างจะเป็นการบันทึกภาพหน้าจอ สำหรับปุ่มล่าง เมื่อกดค้างไว้จะเปิดแอป Swift Notes ที่พร้อมจดโน๊ดหรือวาดรูปได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ตัวหัวปากกาเป็นชนิด TPE แบบถอดเปลี่ยนได้ โดยรองรับแรงกด 4096 ระดับ พร้อม Sampling rate 240Hz
Xiaomi Smart Pen รองรับการเชื่อมต่อกับ Xiaomi Pad 5 ผ่านทางบลูทูธ และชาร์จแบบไร้สายด้วยการแปะเข้ากับแถบแม่เหล็กทางฝั่งขวาของตัวเครื่อง โดยใช้เวลาชาร์ตจนเต็มเพียง 18 นาที สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง และการชาร์จเพียง 10 วินาที จะทำให้ใช้งานได้ถึง 20 นาที
ทดสอบการใช้งานร่วมกับปากกา Xiaomi Smart Pen
เมื่อกดปุ่มด้านบนค้างไว้ จะเข้าสู่ฟีเจอร์การบันทึกหน้าจอ โดยที่มุมขวาบนของหน้าจอ จะมีตัวเลือกในการบันทึกหน้าจอให้เลือกใช้งาน 4 รูปแบบ ประกอบด้วย
- บันทึกทั้งหน้าจอ
- บันทึกในรูปทรงสี่เหลี่ยม สามารถย่อขยาย เลื่อนตำแหน่งไปยังจุดที่ต้องการได้อิสระ
- บันทึกด้วยการวาดแบบอิสระ
- บันทึกในรูปทรงวงกลม สามารถย่อขยาย เลื่อนตำแหน่งไปยังจุดที่ต้องการได้อิสระ
เมื่อกดปุ่มด้านล่างค้างไว้และแตะไปที่หน้าจอ จะเป็นการเปิดแอป Swift Notes
ตัวปากกามาพร้อม Sampling rate 240Hz และรองรับแรงกดได้ 4096 ระดับ จากการทดลองใช้งานจริง พบว่าทั้งการจดบันทึกโน๊ตทั่ว ๆ ไป รวมถึงการวาดรูปแรเงา ลายเส้นต่าง ๆ มีความสมูทลื่นไหลให้ความต่อเนื่องโดยเส้นไม่ขาดตอน และยังมีน้ำหนักเสมือนปากกาจริง ๆ จึงทำให้สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่เน้นในด้านการจดบันทึกและสายวาดเขียนได้อย่างลงตัว
“เรียน เล่น ทำงาน” พร้อมตอบทุกโจทย์การใช้งานด้วยหน้าจอแสดงผลสุดคมชัดระดับ 2.5K ให้สีสันกว่า 1 พันล้านสี
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ Xiaomi Pad 5 ก็คือหน้าแสดงผลขนาดใหญ่เต็มตาถึง 11 นิ้ว ในอัตราส่วน 16:10 มาพร้อมความละเอียดระดับ 2.5K WQHD+ 1600 x 2560 พิกเซล (275 ppi) ให้สีสันกว่า 1 พันล้านสี พร้อมความสมูธลื่นไหลด้วยอัตรารีเฟรช 120Hz และมีความสว่างสูงสุด 500 nits มอบประสบการณ์การรับชมที่เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยการรองรับ Dolby Vision, DCI-P3
นอกจากนี้ Xiaomi Pad 5 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ตัดแสงสีฟ้าและถนอมสายตา และฟีเจอร์อันโดดเด่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Sunlight Display, เซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิสี และจอแสดงผลยังมีเซนเซอร์สำหรับตรวจจับแสงรอบทิศทางโดยเฉพาะอีกด้วย จึงช่วยให้ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานโดยไม่รู้สึกล้าดวงตา แถมยังปลอดภัยต่อสุขภาพดวงตาในระยะยาวอีกด้วย
Multi-window เพลิดเพลินไปกับการใช้งาน 2 หน้าต่างไปพร้อม ๆ กัน
เป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งานสมาร์ตโฟนหน้าจอใหญ่ ๆ ชื่นชอบกันมาก และถ้ายิ่งเป็น Tablet ด้วยแล้วต้องบอกเลยว่าขาดไม่ได้ เพราะฟีเจอร์แบ่งหน้าจอจะช่วยให้การทำงานบนหน้าจอขนาดใหญ่ได้สะดวกคล่องตัวยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำงานหรือความบันเทิง ซึ่งบน Xiaomi Pad 5 สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์แบ่งหน้าจอได้ง่าย ๆ โดยเปิดแอปที่ต้องการ จากนั้นให้ลากหน้าจอจากด้านล่างขึ้นด้านบน เพื่อเข้าสู่ Recent Apps และกดค้างที่แอปนั้น ๆ จะมี Pop -up ให้เลือกเปิดใช้งานแบ่งหน้าจอ ซึ่งสามารถปรับขยายความกว้างของหน้าต่างได้ตามที่ต้องการ
นอกจากแบ่งหน้าจอได้แล้ว ผู้ใช้งานยังสามารถเปิดแอปในหน้าต่างลอย ซึ่งสามารถย่อ/ขยาย พร้อมลากยังไปตำแหน่งต่าง ๆ ของหน้าจอแสดงผลได้อย่างอิสระ
ตอบโจทย์ด้านความบันเทิงด้วย certified “Dolby Vision Atmos” พร้อมลำโพงสุดกระหึ่มถึง 4 ตัว
จอแสดงผลของ Xiaomi Pad 5 รองรับคอนเทนต์ Dolby Vision จึงช่วยยกระดับการรับชมขึ้นไปอีกขั้น นอกจากนี้ยังรองรับ Widevine DRM L1 ทำให้สามารถรับชม Netflix ในคุณภาพระดับ HD ได้อีกด้วย
รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
ดูหนัง เล่นเกม สุดฟิน ด้วยลำโพงจัดเต็มถึง 4 ตัว อีกทั้งยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos อีกด้วย ส่วนในด้านคุณภาพนั้นคับแก้วจริง ๆ ให้เสียงสุดกระหึ่ม ไม่มีอาการแตกพร่าแม้จะเร่งเสียงจนสุดก็ตาม และจุดเด่นของลำโพงภายในตัวเครื่องของ Xiaomi Pad 5 ก็คือการให้เสียงที่มีความสมดุล คือไม่แหลมจัดจนบาดหู และยังพอมีมวลเบสให้สัมผัส รองรับการเล่นเกมหรือดูหนัง ฟังเพลงได้อรรถรสอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจมาก ๆ
สเปคจัดเต็ม ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตทรงพลัง
Xiaomi Pad 5 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจาก Qualcomm Snapdragon 860 บนสถาปัตยกรรม 7 nm ถึงจะไม่ใช่ตัวแรงล่าสุดของปีนี้ แต่ก็เป็นชิปเซ็ตในระดับเรือธงที่หลาย ๆ แบรนด์ได้เลือกใช้มาแล้ว แถมยังมาพร้อมแรม 6GB แบบ LPDDR4X RAM + พื้นที่จัดเก็บ UFS 3.1 ที่ผสานความแรงเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จึงการันตีในด้านประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหล หรือจะเล่นเกมที่มีกราฟิคหนัก ๆ ก็เอาอยู่อย่างแน่นอน
ด้านการเล่นเกม
Xiaomi Pad 5 สามารถตั้งค่ากราฟิคของตัวเกมในระดับสูงสุดได้เกือบทุกเกม เมื่อลองทดสอบเกมยอดนิยมอย่าง PUBG, ROV, Asphalt 9 ไม่พบอาการหน่วงหรือสะดุดให้เห็น แต่เมื่อลอง Genshin Impact ในช่วงตะลุมบอนหมู่ ศัตรูมาเยอะ ๆ ก็เจอหนืด ๆ บ้างเล็กน้อย แต่ในภาพรวมเล่นได้ทุกเกมแบบตั้งค่าสูงสุด เรียกว่า Snapdragon 860 กับ Adreno 640 ยังแรงเหลือเฟือสำหรับเกมในยุคนี้
ด้านการใช้งาน
Xiaomi Pad 5 รันบบระบบปฏิบัติการ MIUI 12.5.2 บนพื้นฐานของ Android 11 และมีการ customize เพื่อใช้งานในแบบ Tablet ภาพรวมค่อนข้างจะมีความคลีน เน้นความเรียบง่าย สำหรับคนที่ใช้งานในแบบ Tablet ไม่ถนัด สามารถเปลี่ยนการนำทางของระบบในรูปแบบสมาร์ตโฟนได้จากการตั้งค่า สำหรับแอปพื้นฐานมีการ Bundle มาให้อย่างครบถ้วน รวมถึงฟีเจอร์ Game Turbo ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ก็มีมาให้ใช้งานเหมือนบนสมาร์ตโฟนของทางค่าย ส่วนระบบความปลอดภัย Xiaomi Pad 5 รองรับฟีเจอร์สแกนใบหน้า ซึ่งทำงานได้อย่างรวดเร็ว
ด้านการถ่ายรูป
เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูง เนื่องจากจุดขายของ Tablet ยังไงก็คงไม่ใช่เรื่องกล้องอย่างแน่นอน ซึ่งคุณภาพที่ได้จาก Xiaomi Pad 5 ต้องบอกเลยว่าเกินคาด แม้จะไม่เทียบเท่าสมาร์ตโฟนแต่ก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว
สำหรับกล้องหน้า ให้ความละเอียดมาที่ 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 รองรับการ บันทึกวิดีโอ 1080p | 30fps720p | 30fps
กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 Dual-LED รองรับการ บันทึกวิดีโอ 4k | 30fps1080p | 30fps720p | 30fps
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto
เปิดใช้งานโหมดบิวตี้
และมีโหมด Beautify มาให้ใช้งานตามสมัยนิยม ซึ่งนอกจะปรับความขาวใสได้แล้ว ยังสามารถปรับแต่งในส่วนของ รายละเอียดอื่น ๆ เช่น ปรับให้ใบหน้าเรียว ตากลมโต รูปทรงของจมูกเป็นต้น
และฟิลเตอร์ให้ใช้งานอย่างหลากหลาย ซึ่งช่วยให้การถ่ายเซลฟี่มีความน่าตื่นตาตื่นใจ และยังสามารถแชร์ไปยังโซเชี่ยลต่าง ๆ ได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลามาตกแต่งผ่านแอปในภายหลังอีกด้วย
ในภาพรวม กล้องหน้าให้ความคมชัด ใสเคลียร์ สามารถใช้งานทั่วไปรวมถึงวิดีโอคอล ประชุมออนไลน์ ได้คุณภาพไม่แพ้สมาร์ตโฟน
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto
มีโหมดบิวตี้และฟิลเตอร์ให้ใช้งานเหมือนกล้องหน้าทุกประการ
กล้องหลังรองรับ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่ช่วยตรวจจับ วิเคราห์ วัตถุสิ่งของและพร้อมปรับแต่งสีสันให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมนั้น ๆ และยังรองรับโหมด HDR ที่ช่วยในการถ่ายภาพแสงที่มีความเปรียบต่าง หรือการถ่ายย้อนแสง ในภาพรวมทั้งกล้องหน้าและหลังของ Xiaomi Pad 5 ทำผลงานได้ดีเกินความคาดหมาย
แบตเตอรี่
แม้จะมาในรูปทรงเพรียวบาง แต่ก็ใส่แบตเตอรี่ความจุสูงมาให้ถึง 8720 mAh ซึ่งจากการใช้งานจริง พบว่า Xiaomi Pad 5 ใช้งานทั่ว ๆ ไป อยู่ได้ครบวันแบบสบาย ๆ แต่ถ้าเล่นเกมต่อเนื่องก็จะอยู่ได้ราว 6 – 7 ชั่วโมง และนอกจากนี้ Xiaomi Pad 5 ยังรองรับการชาร์จเร็ว 33W ทดสอบการชาร์จที่ 10% – 100% จะใช้เวลาชั่วโมงกว่า ๆ โดยใช้ที่ชาร์จ 22.5W ที่แถมมาในกล่อง ซึ่งถ้าหากมีที่ชาร์จ 33W ก็จะชาร์จได้เร็วขึ้น
บทสรุป
สิ่งที่ประทับใจตั้งแต่แรกสัมผัสก็คือ ดีไซน์การออกแบบที่มอบความหรูหรา พรีเมี่ยม อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ค่อนข้างสะดวกคล่องตัว และยังโดดเด่นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 11 นิ้ว บนความละเอียด 2.5K ให้สีสันกว่า 1 พันล้านสี ใช้งานได้อย่างสมูทลื่นไหลด้วยอัตรารีเฟรช 120Hz มอบประสบการณ์การรับชมที่เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยการรองรับ Dolby Vision, DCI-P3 เมื่อจับคู่ทำงานร่วมกับปากกา Xiaomi Smart Pen ก็พร้อมใช้งานจดบันทึกหรือวาดรูปได้อย่างมืออาชีพ นอกจากนี้ยังตอบโจทย์สายเกมและเอนเตอร์เทน ด้วยชิปแเซ็ตระดับเรือธง พร้อมลำโพง 4 ตัว สุดกระหึ่ม เรียกว่าโดดเด่นเหนือคู่แข่งในเรตเดียวกัน สรุปส่งท้าย Xiaomi Pad 5 เป็น Tablet ราคาหมื่นต้น ๆ ที่ครบเครื่อง ครบครัน ไม่ว่าจะ “เรียน เล่น ทำงาน” ก็พร้อมตอบทุกโจทย์การใช้งานในยุคนี้ได้อย่างลงตัว
Xiaomi Pad 5 วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2564
มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา Cosmic Gray และสีขาว White Pearl
- รุ่นความจุ 6GB+256GB: ราคา 12,990 บาท วางจำหน่ายที่ Xiaomi Store ร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์
- รุ่นความจุ 6GB+128GB: ราคา 10,990 บาท วางจำหน่ายผ่าน JD Central เท่านั้น
JD Central: https://bit.ly/3o77Ev0