เลือกรุ่นไหนดี รวมจุดเด่นกล้อง vivo V40 Pro 5G พร้อมภาพ Photo Set เปรียบเทียบกับ vivo V40 5G !!!

โดย J.wasan
0 ความเห็น 10.9K views

นี่ก็ใกล้สิ้นปีแล้ว ใครที่มีแพลนจะเปลี่ยนมือถือใหม่ เชื่อว่ากำลังมองหาข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบให้เจอกับรุ่นที่ตรงใจของเราได้มากที่สุดอย่างแน่นอน สำหรับคนที่มองหาสมาร์ตโฟนถ่ายรูปสวย ใช้งานทั่วไปลื่น ๆ คล่องตัว ในราคาไม่แรง และมีการซัพพอร์ตหลังการขายที่ดี ต้องบอกเลยว่า แบรนด์ vivo ถือเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่เน้นการถ่ายรูป ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพบุคคล วิวทิวทัศน์ อาหาร ฯลฯ  vivo V40 Series 5G ที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นสมาร์ตโฟนที่ได้กระแสตอบรับในด้านการถ่ายภาพได้ตรงใจผู้ใช้ในบ้านเราแบบสุด ๆ ไม่ว่าจะที่มืด ที่สว่าง ที่สลัว vivo V40 Series 5G รับจบ ครบในเครื่องเดียว ส่วนคนที่กำลังจะตัดสินใจในการเลือกระหว่าง vivo V40 Pro 5G กับ vivo V40 5G รุ่นไหนจะตอบโจทย์โดนใจหรือเหมาะกับเราที่สุด วันนี้ทาง IbelieveIT จะไปพาไปสัมผัสจุดเด่นและความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่น เพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ

สำหรับ vivo V40 Pro 5G จะมาพร้อมเลนส์ ZEISS AI Triple Camera (3 เลนส์) โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้ 

1. กล้องมุมกว้างพิเศษ 50MP เลนส์ ZEISS มุมกว้างพิเศษ 119° รูรับแสง f/2.0 รองรับระบบออโต้โฟกัส

2. กล้องหลัก 50MP เลนส์ ZEISS กันสั่น OIS เซนเซอร์ Sony IMX921 ขนาดเซนเซอร์ 1/56″ รูรับแสง f/1.88
กันสั่น OIS

3. กล้องเทเลโฟโต้พอร์ตเทรต 50 MP เลนส์ ZEISS เซนเซอร์ Sony IMX816 กันสั่น OIS 2x ซูมแบบออปติคอล 50x ซูมแบบดิจิตอล
 

      

โหมด ZEISS Multifocal Portrait ของ vivo V40 Pro 5G จะมี Full focal length portrait lens package ที่ช่วยยกระดับการถ่าย Portrait ให้ง่ายขึ้น มีหลักการทำงานเสมือนการเปลี่ยนเลนส์บนกล้องบน Full Frame ซึ่งมีระยะเลนส์หรือทางยาวโฟกัสที่ครอบคลุมครบให้เลือกใช้งานถึง 5 ระยะ ประกอบด้วย  24mm, 35mm, 50mm, 85mm และ 100mm ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถดูรายละเอียดของการถ่ายในระยะโฟกัสที่เลือก รวมถึงสไตล์โบเก้ที่ถูกจับคู่ให้ใช้งานแบบอัตโนมัติ  



เริ่มต้นกันด้วยที่ระยะ 24mm ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะสำหรับถ่ายภาพแนวท่องเที่ยว หรือเชิงสร้างสรรค์ และยังสามารถขับเน้นฉากหลังสำหรับสถานท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์อันโดดเด่น ไปพร้อม ๆ กับตัวแบบได้อย่างลงตัว โดยระยะ 24mm จะเลือกใช้แสงแฟลร์ ZEISS Distagon จับคู่กับโทนสีย้อนยุค ช่วยให้ภาพคนในระหว่างการเดินทางมีความโดดเด่น และชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ระยะ 24mm ยังเหมาะกับการถ่ายภาพ Portrait ในแนวนอนได้ดีอีกด้วย 

ระยะ 35mm เป็นระยะที่เหมาะสำหรับถ่ายภาพบุคคลและภาพบรรยากาศ โดยการเบลอฉากหลังจะมีความลึกที่เพิ่มขึ้นมาจากระยะ 24mm แบบสัมผัสได้

สำหรับระยะ 35mm จะใช้แสงแฟลร์แนวภาพยนตร์แบบวัดสามค่า ZEISS B-Speed จับคู่กับระยะโฟกัสแบบเน้นคน 35mm (1.5x) จึงช่วยให้รู้สึกถึงการสื่อสารที่เน้นตัวบุคคลและเรื่องราวได้อย่างชัดเจน 

ระยะ 50mm สำหรับถ่ายภาพบุคคลแบบครึ่งตัว โดยมีให้เลือกสองแบบ ได้แก่ natural portrait เป็นการผสมผสานระหว่างแสงแฟลร์ทรงกลม พร้อมโฟกัส 50mm (2.2x) ซึ่งเป็นระยะเลนส์ที่ตรงกับตามนุษย์มากที่สุด ดังนั้นจึงให้ภาพพอร์ตเทรตที่เป็นธรรมชาติ สมจริง และดูโปรมากยิ่งขึ้นแม้ถ่ายจากระยะไกล ก็จะยังให้ภาพพอร์ตเทรตที่สดใสน่าทึ่งราวกับถ่ายในระยะใกล้เสมือนกล้องโปรนั่นเอง

ระยะ 50mm รูปแบบที่ 2 classic portrait สำหรับถ่ายภาพบุคคลแบบครึ่งตัว ด้วยการผสมผสานระหว่างแสงแฟลร์แบบหมุน ZEISS Biotar โดยสามารถถ่ายภาพคนตามบรรยากาศที่ให้รูปร่างที่มีความโดดเด่น และโทนผิวที่สว่างมากขึ้น 

และอีกหนึ่งจุดเด่นของ vivo V40 Pro 5G ที่เหนือกว่า V40 5G ก็คือ Full focal length portrait lens package ที่ครอบคลุมได้ถึง 5 ระยะ ได้แก่  24mm, 35mm, 50mm, 85mm และ 100mm (V40 5G รองรับที่ 3 ระยะ 24mm, 35mm, 50mm)

โดยที่ระยะ 85 mm จะมาพร้อมแสงแฟลร์สีครีม ZEISS Sonnar รวมกับเลนส์ในระยะ 85มม. (3.5x) พร้อมรูปแบบแนวฟิลม์ภาพยนตรในโทนสีน้ำเงิน – เหลือง โดยมีสีสันที่สดใส ด้วยคอนทราสต์ระหว่างโทนแย็นและโทนอุ่นเพื่อสร้างภาพคนที่สื่อถึงอารมณ์อันสมดุลแบบสัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง 

 

ระยะ 100mm มีจุดเด่นทั้งในแง่ของการเน้นไปที่ภาพใบหน้าแบบ close-up และยังตอบโจทย์การถ่ายภาพบุคคลในงานอีเว้นต์หรือคอนเสิร์ตที่มีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่และระยะห่างจากตัวแบบได้อีกทางหนึ่งด้วย 

ที่ระยะ 100mm จะให้แสงแฟลร์แบบชวนฝันของ ZEISS Planar จับคู่กับโทนสีแพลตตินัมที่ดูนวลตาและหรูหรา พร้อมขับเน้นจุดเด่นของตัวแบบและใบหน้าด้วยเลนส์ถ่ายภาพระยะไกล 100มม. (4x) สามารถจับภาพการสื่ออารมณ์ของผู้คนในระยะใกล้ที่มีรายละเอียดสุดคมชัด

นอกจากจะมาพร้อมโหมดถ่ายภาพแบบสำเร็จรูปแล้ว vivo V40 Pro 5G ยังสามารถเลือกระยะโฟกัสและรูปแบบ Bokeh รวมถึง Style Portrait ได้อย่างยืดหยุ่นอีกด้วย 

ทดสอบการถ่ายที่ระยะ 50mm พร้อมเปิดใช้โบเก้สไตล์ Nature ซึ่งจะให้โบเก้ทลงกลม มีความซอฟท์ดูละมุนตา 

โบเก้สไตล์ Biotar ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเลนส์ ZEISS Biotar 1.5/75 ให้โบเก้หมุนวนที่นำมาจากเอฟเฟกต์พิเศษของเลนส์กล้อง มอบประสบการณ์ภาพถ่ายที่ยอดเยี่ยมตามสไตล์ ZEISS

โบเก้สไตล์ B-speed เพิ่มเอฟเฟกต์โบเก้รูปทรงสามเหลี่ยมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเลนส์ ZEISS classic high-speed cine ในยุค 1970 ตอนกลาง

โบเก้สไตล์ ZEISS Sonnar

เป็นโบเก้ที่ได้แรงบันดาลใจจากเลนส์ ZEISS Sonnar 2.8/180 มีจุดเด่นที่การเบลอละลายหลัง ทำให้พื้นหลังดูมีบรรยากาศโรแมนติก เหมาะสำหรับการถ่ายสตรีทพอร์ตเทรต

โบเก้สไตล์ ZEISS Planar โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเลนส์ ZEISS Planar 2.8/80 ให้ภาพสไตล์คลาสสิกที่เก็บรายละเอียดวัตถุ ขณะที่พื้นหลังก็ให้ความคมชัดของโบเก้

โบเก้สไตล์ ZEISS Distagon ได้แรงบันดาลใจจากเลนส์ ZEISS Distagon 2.0/28 มอบโบเก้หกเหลี่ยมในพื้นหลัง เผยให้เห็นถึงความงดงามอันน่าประทับใจ ทำออกมาสำหรับการแสดงภาพเชิงศิลปะ

พอร์ตเทรตสไตล์ ZEISS Cine-flare ขณะถ่ายภาพท่ามกลางแสงจ้า จะทำให้เกิดแสงแฟลร์ในสไตลเส้นรุ้งแบบพาดผ่าน รวมถึงบางมุมในสภาพแสงภายในอาคารจะได้แสงแฟลร์เหมือนในภาพยนตร์ (วงกลมสีทองแบบไล่ระดับ) ด้วยอัลกอริธึมขั้นสูงช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะได้ภาพพอร์ตเทรตที่คมชัดและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร 

โบเก้สไตล์ ZEISS Cinematic ถ่ายภาพพอร์ตเทรตในสไตล์ภาพยนตร์ด้วยอัตราส่วนภาพ 2.39:1 จะสร้างแสงแฟลร์วงรีและเอฟเฟกต์เส้นแสงสีน้ำเงิน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้ไฟถนนในเวลากลางคืน

ทดสอบการถ่าย portrait ในสภาพแสงภายในอาคาร 

การถ่ายภาพในสภาพแสง Indoor เป็นอะไรที่เราต้องได้ใช้งานจริงในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน เช่นการไปร้านอาหาร คาเฟ่ ห้างสรรพสินค้า โดยจากการทดสอบพบว่า vivo V40 Pro 5G สามารถทำผลงานได้น่าประทับใจ ไม่แพ้การถ่ายในสภาพแสง Outdoor ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับคุณภาพของเลนส์ ZEISS และระบบกันสั่น OIS นั่นเอง

ส่วนในสภาพแสงยามค่ำคืน หรือในที่แสงน้อย ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะ vivo V40 Pro 5G ยังคงถ่ายภาพ Portrait ได้ในระดับเทพ ด้วย Aura Light Portrait ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Smart Color Temperature Adjustment ระบบปรับอุณหภูมิแสงอัจฉริยะที่ทำงานในโหมดอัตโนมัติ รวมถึงผู้ใช้งานยังสามารถปรับแสงออร่าให้เป็นโทนเย็นและโทนอุ่นได้หลายระดับตามความต้องการ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแสงในขณะนั้น

นอกจากนี้ในสภาพแสงที่มีความหลากหลาย ตัว AI ก็จะคำนวณให้อย่างชาญฉลาด โดยบางครั้งจะเลือกอุณหภูมิแบบ Natural ที่อยู่ตรงกลางระหว่างโทนเย็นและโทนอุ่น ซึ่งบางครั้งจะเป็นไฟสีขาวที่ไม่สว่างจนเกินไป หรือบางครั้งก็จะเป็นไฟสีส้มอ่อน ๆ แต่ถ้าเป็นบรรยากาศในสภาพแสงที่มีโทนอุ่นมาก ๆ ไฟ Aura Light Portrait ก็จะเป็นสีส้มเข้ม ซึ่งโทนแสงสีส้ม จะช่วยทำให้ใบหน้าและโทนสีผิวดูเป็นธรรมชาติไม่หลอกตา

เลนส์ ZEISS สีสันสมจริง รองรับการถ่ายได้หลากหลายระยะ 

ระบบสีของ vivo จะให้สีสันที่สดใส เหมาะกับการถ่ายภาพได้ทุกสถานการณ์ ซึ่งให้ภาพที่มีชีวิตชีวาและสดใส ค้นพบโลกแห่งสีสัน และเก็บรักษาภาพความทรงจำให้สดใหม่อยู่เสมอ

ในโหมด Ultra-Wide จะให้มุมมองกว้างเป็นพิเศษ ช่วยให้เก็บองค์ประกอบของภาพได้มากยิ่งขึ้นแม้ในพื้นที่จำกัด ทำให้สามารถถ่ายวิวทิวทัศน์ในมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ต้องถอยไกล และยังมีประโยชน์มาก ๆ ในสถานที่คับแคบ และต้องเบียดเสียดกับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมถึงสามารถเก็บภาพถ่ายแบบหมู่คณะผองเพื่อนได้อย่างครบถ้วนไม่ตกหล่นอีกต่อไป

เปรียบเทียบภาพถ่ายในระยะปกติและ Ultra-Wide (มุมมองกว้างพิเศษ)

เปรียบเทียบภาพถ่ายในระยะปกติและ Ultra-Wide (มุมมองกว้างพิเศษ)

เปรียบเทียบภาพถ่ายในระยะปกติและ Ultra-Wide (มุมมองกว้างพิเศษ)

เปรียบเทียบภาพถ่ายในระยะปกติและ Ultra-Wide (มุมมองกว้างพิเศษ)

เปรียบเทียบ vivo V40 Pro 5G vs vivo V40 5G รุ่นไหนโดนใจเหมาะกับใครไปดูกัน !!!

ในภาพรวมต้องบอกเลยว่าทั้ง 2 รุ่นแตกต่างกันไม่มากนัก โดยถ้าเริ่มจากดีไซน์ จะเหมือนกันเกือบทุกประกัน ทั้งมิติขนาดตัวเครื่อง (สามารถใช้เคสร่วมกันได้) สิ่งที่แตกต่างกันมีเพียงเล็กน้อย คือ vivo V40 Pro 5G จะมีน้ำหนักที่มากกว่า V40 5G เพียง 2 กรัม และจะมีกล้องหลังแบบ 3 เลนส์ โดยจัดวางโมดูลที่สลับให้ไฟ Aura Light Portrait มาอยู่ด้านล่างนั่นเอง

นอกจากนี้ V40 5G จะมี 3สี ให้เลือกใช้งานได้แก่ Stellar Silver, Sunglow Peach, Nebula Purple ส่วน vivo V40 Pro 5G  จะมีแค่สี Stellar Silver เท่านั้น 

ในด้านฟีเจอร์และ specifications ก็ถือว่าใกล้เคียงกันมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผล แบตเตอรี่ ลำโพงคู่สเตอริโอ ทนน้ำทนฝุ่น IP68 ฯลฯ ส่วนสิ่งที่มีความแตกต่างจริง ๆ คือ vivo V40 Pro 5G จะขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจาก CPU หรือชิปประมวลผล Mediatek Dimensity 9200+ ซึ่งถ้าดูจากผลคะแนน AnTuTu Benchmark จะเห็นว่า vivo V40 Pro 5G แรงกว่า V40 5G พอสมควร แต่ถ้าเป็นการใช้งานจริง ที่ RAM และ ROM เท่ากัน 12/512GB ทั้งสองรุ่นจะไม่ต่างกันมากนัก ส่วนที่จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนก็คือเมื่อทดสอบในการเล่นเกม โดย vivo V40 Pro 5G จะได้เรื่องของเฟรมเรทและการปรับตั้งค่ากราฟิคได้สูงกว่านั่นเอง สำหรับคนที่ไม่ใช้สายเกมเมอร์ ทั้ง 2 รุ่นตอบโจทย์การใช้งานทั่ว ๆ ไปได้สมูทลื่นไหลพอ ๆ กัน 

แน่นอน กล้องที่ชูความเป็นรุ่นโปร จะต้องมีความแตกต่างอย่างชัดเจน ซึ่ง vivo V40 Pro 5G จะมาพร้อมกล้องแบบ 3 เลนส์ ในขณะที่ vivo V40 5G จะมีแค่ 2 เลนส์ โดย vivo V40 Pro 5G จะมีกล้องเทเลโฟโต้พอร์ตเทรตเพิ่มเข้ามา และในส่วนของกล้องหลักจะใช้เซนเซอร์ของ Sony IMX921 แต่ในภาพรวมทั้ง 2 รุ่นใช้เลนส์ ZEISS ทั้งหมด (รวมถึงกล้องหน้า) จึงมั่นใจได้ว่าในแง่คุณภาพ ทั้ง Coating ความเที่ยงตรงของสี และการจัดการ distortion ทั้ง 2 รุ่นสามารถทำผลงานได้ดีพอ ๆ กัน 

Compare Portrait vivo V40 Pro 5G vs vivo V40 5G

เปรียบเทียบการถ่ายภาพพอร์ตเทรตด้วย Full focal length portrait lens package ที่ระยะ 50mm (natural portrait) ระหว่าง vivo V40 Pro 5G กับ vivo V40 5G

เปรียบเทียบการถ่ายภาพพอร์ตเทรตด้วย Full focal length portrait lens package ที่ระยะ 50mm (classic portrait) ระหว่าง vivo V40 Pro 5G กับ vivo V40 5G

Compare Camera vivo V40 Pro 5G vs vivo V40 5G

เปรียบเทียบภาพถ่ายในระยะปกติของ vivo V40 Pro 5G กับ vivo V40 5G

เปรียบเทียบภาพถ่ายในระยะปกติของ vivo V40 Pro 5G กับ vivo V40 5G

เปรียบเทียบภาพถ่ายในระยะ Ultra-Wide (มุมมองกว้างพิเศษ) ของ vivo V40 Pro 5G กับ vivo V40 5G

เปรียบเทียบภาพถ่ายในระยะ Ultra-Wide (มุมมองกว้างพิเศษ) ของ vivo V40 Pro 5G กับ vivo V40 5G

บทสรุป vivo V40 Pro 5G VS vivo V40 5G

 

สรุปสั้นแบบฟันธง ชอบถ่ายรูป ต้องการคุณภาพไฟล์ภาพแบบมือโปร vivo V40 Pro 5G ตอบโจทย์ได้สุดกว่า ทั้งระยะ Full focal length portrait lens package ที่ครอบคลุมได้ถึง 5 ระยะ ได้แก่  24mm, 35mm, 50mm, 85mm และ 100mm ( ส่วน V40 5G รองรับที่ 3 ระยะ 24mm, 35mm, 50mm) vivo V40 Pro 5G จึงพร้อมรองรับการนำไปใช้งานได้จริงทั้งสายอีเว้นท์หรือคอนเสิร์ตที่ไม่ไกลจากหน้าเวทีมากนัก รวมถึงยังสามารถซูมดิจิตอลได้สูงถึง 50x จึงมีความคล่องตัวที่สูงกว่า เมื่อใช้ในด้านการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ vivo V40 Pro 5G ยังตอบโจทย์การเล่นเกมได้ที่เฟรมเรทสูงและการตั้งค่ากราฟิคในระดับ Ultra (ได้เกือบทุกเกม) ส่วน vivo V40 5G ถ่าย portrait ได้สวยไม่แพ้กัน และยังรองรับการถ่ายภาพได้ในหลากหลายระยะ โดยที่ให้คุณภาพที่ไม่ด้อยกว่า vivo V40 Pro 5G มากนัก ทั้งในแง่ของ Contrast ความคมชัดสดใส ความแม่นยำของไวท์บาลานส์ รวมถึง Dynamic Range ทั้งสองรุ่นทำผลงานได้ยอดเยี่ยม น่าประทับใจทั้งคู่

ส่วนที่ขาดไปของ vivo V40 5G ก็คือระยะการซูมที่น้อยกว่า แต่ในด้านสเปคและฟีเจอร์ถือว่าใกล้เคียงมาก ๆ ทั้ง 2 รุ่นจึงตอบ target ที่แยกกันได้อย่างชัดเจน ถ้าชอบตัวเครื่องสีสันสดใส ถ่ายรูปสวย ใช้งาน หรือเล่นเกมทั่วไป ๆ ในแบบไม่ปรับตั้งค่าสูงสุด vivo V40 5G ตอบโจทย์ด้วยราคาเข้าถึงง่าย โดยเริ่มต้นเพียง 15,999 บาทเท่านั้น ส่วนใครที่ต้องการความสุดในทุก ๆ ด้าน และยอมรับกับตัวเลือกสีที่มีเพียงสีเดียวได้ vivo V40 Pro 5G คือที่สุดของสมาร์ตโฟนระดับน้อง ๆ เรือธง ที่มาพร้อมความโดดเด่นรอบด้านและเหนือกว่าทุกคู่แข่งในระดับเดียวกันอย่างแท้จริง 

เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ 🌟 ใหม่! vivo V40 Series 5G เกิดมาพร้อมทุกกล้องเลนส์ ZEISS 📸

 
เทคโนโลยีแบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 5500mAh🔋ดีไซน์สุดล้ำ ตัวเครื่องบางเบา และมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68 💦

🌟V40 5G (12GB + 256GB) ราคา 15,999.-
🌟V40 5G (12GB + 512GB) ราคา 17,999.-
ดูเพิ่มเติม https://bit.ly/3XhNK1z

🌟 V40 Pro 5G (12GB + 512GB) ราคา 24,999.-
ดูเพิ่มเติม https://bit.ly/3MjAenV

เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สั่งซื้อ V40 5G ผ่านช่องทาง vivo online store: https://shop.vivo.com/th/product/2168

สั่งซื้อ V40 Pro 5G ผ่านช่องทาง vivo online store: https://shop.vivo.com/th/product/2169

Facebook Comments

Related Posts