เปิดตัวอย่างเป็นทางการ สำหรับ Vivo V20 Pro 5G สมาร์ตโฟนซีรีส์ V รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งนับว่าเป็นสมาร์ตโฟตที่รองรับ 5G เป็นรุ่นที่สองของค่าย Vivo อีกด้วย และแน่นอน ด้วยจุดเด่นของซีรส์ V ก็คงหนีไม่พ้นด้านดีไซน์ ที่ยังคงความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงยังจัดเต็มด้วยคุณภาพจากกล้องหน้า/หลังเหมือนเช่นคย ส่วนความเปลี่ยนแปลงและความน่าสนใจอื่น ๆ จะมีอะไรบ้าง ขอเชิญติดตามรับชมรีวิวไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ
สเปคเบื้องต้น Vivo V20 Pro 5G
ขนาด | 158.82 X 74.20 X 7.39 มม. | |
น้ำหนัก | 170 กรัม | |
หน้าจอแสดงผล | หน้าจอ ชนิด AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด 1080 × 2400 (FHD+) อัตราส่วน 20:9 รองรับเซ็นเซอร์สแกนนิ้วในจอแสดงผล In-display Fingerprint Scanning | |
หน่วยประมวลผล | ชิปเซ็ต Qualcomm SDM765 Snapdragon 765G (7 nm) หน่วยประมวลผล Octa-core (1×2.4 GHz Kryo 475 Prime & 1×2.2 GHz Kryo 475 Gold & 6×1.8 GHz Kryo 475 Silver) หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 620 | |
RAM | 8GB | |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128GB | |
หน่วยความจำเสริม | none | |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง: 3 เลนส์ AI Triple Camera
——————————————————- กล้องหน้าคู่ : กล้องหลักความละเอียด 44 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 + กล้องตัวที่สอง 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.28 ——————————————————- โหมดการถ่าย กล้องหน้า: Eye Autofocus, Super Night Selfie, Selfie Soflight Band, Steadiface Selfie Video, Slo-Mo Selfie Video, Dual-View Video, Art Portrait Video, Multi-Style Portrait, Double Exposure, AR Stickers, 3D Sound Tracking กล้องหลัง: Motion Autofocus, Eye Autofocus, Body/Object Autofocus, Super Night Mode, Super Wide Angle Night Mode, Tripod Night Mode, Ultra Stable Video, Art portrait video, Super Macro, Bokeh Portrait, Multi-Style Portrait, AR Stickers, 3D Sound Tracking |
|
ระบบปฏิบัติการ | Funtouch 11 บนพื้นฐานของ Android 10 | |
เชื่อมต่อ |
Wi-Fi 2.4G + 5G |
|
รองรับระบบ | รองรับการทำงาน Dual-SIM 2 ซิมการ์ด Dual SIM and Dual Standby
|
|
แบตเตอรี่ | 4000mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Vivo FlashCharge 2.0 – 33W (11V/3A) | |
สี/ราคาวางจำหน่าย |
สีที่วางจำหน่ายในไทย Black: Midnight Jazz, White: Moonlight Sonata, Blue: Sunset Melody ราคาเปิดตัว 14,999 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องแพคเกจจิ้งยังคงเอกลักษณ์ของซีรีส์ V ไว้เหมือนเช่นเคย โดย V20 Pro 5G เลือกใช้โทนสีน้ำเงินซึ่งมีกิมมิครูปตัว V ที่ให้ความเลื่อมพรายบนด้านหน้ากล่อง และด้านบนมุมขวาจะกำกับขนาดความจุ ROM/RAM ไว้อย่างชัดเจน
ด้านหลังจะพิมพ์บอกไฮไลท์ฟีเจอร์เด่น อาทิ กล้องหน้า 44 ล้านพิกเซล มาพร้อมระบบโฟกัสดวงตา, ดีไซน์ Ultra Sleek Matte Glass, กล้องหลัง 64MP Night Camera, ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm SDM765 Snapdragon 765G
สำหรับสีที่ทาง IbelieveIT ได้รับมารีวิวในครั้งนี้คือ สีดำ Midnight Jazz
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย
1. อแดปเตอร์ชาร์จไฟ OUTPUT 5V–2A / 9V–2A / 11V–3A Max – รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Vivo FlashCharge 2.0 – 33W
2. หูฟังสมอลทอร์คแบบอินเอียร์
3. อแดปเตอร์ Type-C to Audio 3.5mm
4. สายดาต้าลิงค์แบบ Type-C
5. เคสซิลิโคนแบบใส
6. อุปกรณ์เปิดถาด SIM Card
7. ใบรับประกัน, และคู่มือการใช้งานฉบับย่อ
สำหรับฟิล์มกันรอยได้มีการติดมาให้เรียบร้อยแล้วจากโรงงาน
รูปลักษณ์ดีไซน์ & การออกแบบ
“Vivo V20 Pro 5G” เป็นสมาร์ตโฟน 5G ที่มีความบางที่สุดในโลก”
Vivo V20 Pro มาพร้อมดีไซน์ Ultra Sleek Matte Glass ที่ผสานความสวยงามด้วยสีสันบนตัวเครื่องสองโทนสี เข้ากับวัสดุพรีเมี่ยมด้วยกระจกฝาหลังและขอบเฟรมอะลูมิเนียม โดยเมื่อแสงตกกระทบผิวสัมผัสของตัวเครื่องจะเปลี่ยนสีสันอย่างนุ่มนวล ซึ่งต้องบอกเลยว่านี่คือการหล่อหลอมศิลปะ เทรนด์และความคลาสสิกเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อแสดงถึงความงามอย่างเป็นธรรมชาติ
โดยสี Midnight Jazz หรือสีดำจะให้ความลึกลับและเต็มไปด้วยพลัง พร้อมแสดงถึงความสงบและความมั่นใจ ส่วนสี Sunset Melody จะพาผู้ใช้งานไปเพลิดเพลินกับเฉดสีสันอันเร่าร้อน ชวนให้นึกถึงบรรยากาศที่ชายหาดยามพระอาทิตย์ตก สำหรับ Moonlight Sonata หรือสีขาวบริสุทธิ์ราวกับแสงจันทร์ที่ตกกระทบบนท้องทะเล พร้อมนำพาผู้ใช้งานสัมผัสถึงความสงบสู่ก้นบึ้งหัวใจ
และด้วยเทคโนโลยี AG Matte Glass จะช่วยเพิ่มความสวยงาม หรูหรา ให้กับตัวเครื่อง พร้อมทั้งให้ผู้ใช้งานสัมผัสถึงความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ด้วยพื้นผิวที่ทนทานต่อรอยขีดข่วน รวมถึงเทคโนโลยี AF ที่ช่วยป้องกันโทรศัพท์จากรอยนิ้วมือ หนึ่งในจุดเด่นคือการไล่เฉดสีที่กล้องหลัง โดยใช้สีดำเข้มผสานเข้ากับสีเมทัลลิค ซึ่งให้ฟิลลิ่งทั้งความเรียบหรูและพรีเมี่ยมอยู่ในตัว นอกจากนี้ยังออกแบบตัวกล้องแบบขั้นบันได เพื่อให้กล้องดูสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบ
สรุปในภาพรวมตัวเครื่องมีดีไซน์ที่มีความเพรียวบาง โดยมาพร้อมกับจอโค้งแบบ 2.5D ที่มีความหนาเพียง 7.39 มม. อีกทั้งยังออกแบบตามหลัก Ergonomics จึงส่งผลให้สอดรับเข้ากับสรีระของฝ่ามือได้ดีเยี่ยม ช่วยให้การจับถือพกพาเป็นไปอย่างสะดวกคล่องตัว
หน้าจอใหญ่เต็มตา มาพร้อมความคมชัดสุดใจ
Vivo V20 Pro 5G มาพร้อมหน้าจอ 6.44 นิ้ว ชนิด AMOLED บนความละเอียด 1080 × 2400 พิกเซล (FHD+) พร้อมอัตราส่วน 20:9 และยังรองรับ HDR10 รวมถึงการสแกนนิ้วใต้หน้าจอแสดงผล (In-display Fingerprint Scanning) อันเป็นจุดขายของทางค่าย Vivo เหมือนเช่นเคย
ในส่วนของลำโพงสนทนามาในรูปทรงแนวยาว และจัดวางอยู่ในขอบของตัวเครื่องซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่แสดงผลได้อีกทางหนึ่งด้วย สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่คู่ออกแบบให้มีขนาดเล็ก โดยจัดวางเลย์เอาท์ไว้ใน Notch หรือรอยบากได้อย่างลงตัว ซึ่งจากการใช้งานจริงให้ความรู้สึกกลมกลืนไม่รบกวนสายตา แต่ยังคงให้คุณภาพมาแบบเต็มเปี่ยม ด้วยความละเอียดของกล้องหน้าที่สูง 44 + 8 ล้านพิกเซล โดยตัวกล้องหน้ามาพร้อมกับโหมดโฟกัสอัตโนมัติ (AF) สามารถจับโฟกัสจากระยะถ่าย 15 CM ถึงจุดที่ไกลที่สุดได้อย่างชัดเจน* ไม่ว่าจะถ่ายระยะใกล้หรือจะใช้ไม้เซลฟี่ระยะไกลแค่ไหน ก็สามารถถ่ายเซลฟี่ได้อย่างคมชัด นอกจากนี้ยังได้มีการใส่มอเตอร์ ไว้ที่ตัวกล้องหน้า ทำให้สามารถขยับกล้องไปด้านหน้าหรือด้านหลัง เพื่อช่วยในการโฟกัสได้แม่นยำมากขึ้น โดยสามารถโฟกัสได้ไวถึง 0.01s เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์แบบอัดแน่น ไม่ว่าจะเป็นโหมด Super Night Selfie, Ultra Stable Selfie Video และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ได้สวยงามสมจริงในทุกสภาพแสงและทุกสถานการณ์
ในส่วนของกล้องหลังนั้นจัดเต็มสุดคมชัดด้วย AI Triple Camera 64 ล้านพิกเซล มาพร้อมชิ้นเลน์คุณภาพสูง โดยมีรายละเอียดดังนี้
เลนส์หลัก (Wide-Angle) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.89
เลนส์ Macro/Bokeh ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2
เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
ฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์ โดยตัวปุ่มมีการทำลายเท็กเจอร์ซึ่งช่วยให้ดูสวยงามโดดเด่นยิ่งขึ้น ส่วนฝั่งซ้ายจะเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใด ๆ
ด้านบนของตัวเครื่อง จะมีไมค์ตัดเสียงรบกวนและทำหน้าที่ในการบันทึกเสียงอีกด้วย
ด้านล่างประกอบไปด้วย ช่องถาดซิมการ์ด, ไมค์สนทนา, พอร์ต Type-C, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ตัวถาดซิมของ Vivo V20 Pro 5G เป็นแบบ Dual Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบนาโนซิม แต่จะไม่รองรับหน่วยความจำภายนอก
ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน Vivo V20 Pro 5G
Vivo V20 Pro 5G มาพร้อม 5G แบบใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องรออัพเดตเฟิร์มแวร์ โดยรองรับทั้งเครือข่าย SA&NSA 5G ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดช่วยให้ผู้ใช้งานสัมผัสไปกับการเชื่อมต่อโดยไม่มีสะดุด ลดความล่าช้าของเครือข่ายในที่สัญญาณไม่ดีหรือในที่อับสัญญาณ เช่นลิฟต์ / รถไฟใต้ดินเป็นต้น
** การรองรับคลื่นความถี่ 5G n1 และ n3 ขึ้นอยู่กับความพร้อมใช้งาน 5G ของผู้ให้บริการ รวมถึงคุณภาพโครงข่าย 5G ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งพื้นที่, ผู้ให้บริการ และแพ็กเกจที่เลือกใช้
In-Display Fingerprint Scanning
Vivo เป็นค่ายแรกที่นำเสนอ “นวัตกรรม In-Display Fingerprint Scanning” หรือการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ภายในจอแสดงผล ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการอัพเกรดและพัฒนาตัวเซ็นเซอร์ให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น โดยเจนเนอเรชั่นล่าสุดมีการอัพเกรดตัวเซ็นเซอร์ใหม่แบบ 3 ชิ้นเลนส์ จึงส่งผลให้การทำงานมีความรวดเร็วแม่นยำที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่ายอื่น ๆ ต้องบอกเลยว่าการปลดล็อคนั้นมีความเร็วที่เหนือกว่าแบบสัมผัสได้จริง
สำหรับฟีเจอร์ In-Display Fingerprint Scanning บน Vivo V20 Pro 5G รองรับการบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุดที่ 5 ลายนิ้ว และนอกจากนี้ยังมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 8 รูปแบบ รวมถึงสามารถเปลี่ยนไอคอนที่แสดงบนหน้าจอได้อีก 6 รูป ซึ่งจะช่วยเสริมให้ขณะใช้งานดูมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ส่วนระบบ Face Unlock บน Vivo V20 Pro 5G มีความรวดเร็วแม่นยำไม่แพ้ระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ และยังสามารถทำงานได้ดีแม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้โดยไม่มีปัญหา และมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 5 รูปแบบ อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการปลดล็อกที่ผสานทั้ง 2 ระบบเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
Display
หน้าจอแสดงผลของ Vivo V20 Pro 5G เลือกใช้วัสดุรุ่นใหม่คุณภาพสูงบนพาเนล AMOLED โดยมีหน้าจอขนาด 6.44 นิ้ว ที่ใหญ่เต็มตา โดยออกแบบให้ขอบจอด้านล่าง ( Bottom Bezel) บางเฉียบเพียง .351 มม.ส่งผลให้มีอัตราส่วนของหน้าจอต่อบอดี้สูงถึง 91.2% และมีค่า High contrast 3000000:1 ให้ความสว่างถึง 600nit และรองรับ HDR 10 จึงให้สีสันที่สวยงามสมจริง และยังมาพร้อมกับอัตราส่วนขนาดใหม่ 20:9 ที่พร้อมตอบโจทย์ด้านการรับชมคอนเทนต์และการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
Always On Display
Vivo V20 Pro 5G มาพร้อมกับฟังก์ชั่นพิเศษ Always On Display ที่ใช้พลังงานต่ำ จากคุณสมบัติพิเศษ Self-illuminating ของจอ AMOLED ทำให้เราไม่พลาดในการดูแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ในรูปแบบเรียลไทม์
และนอกจากจะทำให้การดูเวลากับการแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันต่าง ๆ มีความสะดวกคล่องตัวมากยิ่งขึ้นแล้ว ผู้ใช้งานยังปรับแต่งรูปแบบการแสดงผลของนาฬิกา, แบล็คกราวน์และสีได้อีกด้วย
Multi-Turbo
Multi-Turbo บน Vivo V20 Pro 5G ได้รับการอัปเดตด้วย ART ++ Turbo ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทแบบก้าวกระโดด จะพาผู้ใช้งานไปสัมผัสประสบการณ์ความรวดเร็วกว่าที่เคย โดยมีไฮไลท์ที่น่าสนใจดังนี้
Game Turbo นำเสนอฟีเจอร์ Game Highway ซึ่งสร้างช่องทางด่วนสำหรับการเล่นเกม และยังจัดลำดับความสำคัญของ CPU และหน่วยความจำ ที่ช่วยลดปัญหาเฟรมเรตตกได้ถึง 78.05%
System Framework Optimization (ใน Center Turbo) ควบคุมลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการตอบสนองเพิ่มขึ้น 30%
และ ART ++ Turbo ช่วยเร่งการเปิดใช้งาน รวมถึงการสลับแอปพลิเคชัน ซึ่งโดยประมาณจะสามารถลดความล่าช้าได้ถึง 40%
Ultra-Game Mode
Ultra-Game Mode ได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด สามารถเล่น E-sports ได้อย่างมืออาชีพโดยใช้ Competition Mode เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น และ นอกจากนี้ยังช่วยให้การเล่นเกมมีความต่อเนื่องไร้การรบกวนจากแจ้งเตือนข้อความและการแจ้งเตือนแอปพลิเคชันอื่น ๆ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพแบบสัมผัสเพื่อป้องกันการจับภาพหน้าจอในขณะเล่นเกมที่เกิดจากการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในส่วนของ Visual Effect คือ “การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ” โดยจะล็อคความสว่างเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเพลิดเพลินกับเอฟเฟกต์ภาพที่ดีที่สุด. พร้อมทั้งจัดสรรอัตราเฟรมที่ปรับเปลี่ยนและอุณหภูมิของ CPU ให้กับเกม ด้วยวิธีการที่ชาญฉลาดเพื่อให้ได้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุดอีกด้วย
นอกจากนี้ยังอัพเกรดฟีเจอร์เด่น ๆ ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Autoplay with screen off ที่สามารถเล่นเกมต่อเนื่องอัตโนมัติในขณะหน้าจอดับ
และโหมด 4D Game Vibration ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์สั่นสะเทือน ส่งผลให้การเล่นเกมต่อสู้ได้ดุเดือด มีความสมจริง เช่นการสั่นตอบสนองในเวลาที่ยิงปืน หรือการชน การกระแทกเป็นต้น
Game Center
Game Center เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ โดยเป็นศูนย์รวมของเกมที่น่าสนใจ มีการแบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการค้นหาและดาวน์โหลด นอกจากนี้ Game Space ยังมาพร้อมความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญในระหว่างการเล่นเกม เช่น ดูข้อมูล CPU อุณหภูมิ และปริมาณข้อมูลการใช้งาน โดยทำงานร่วมกับ Ultra Game Mode ที่สามารถปิดข้อความ และการแจ้งเตือนต่าง ๆ ในขณะเล่นเกม ให้คุณสามารถมุ่งเน้นไปกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่
เทคโนโลยีชาร์จไว 33W vivo FlashCharge 2.0
มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4000mAh ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานครบวัน แถมยังมีระบบชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี 33W vivo FlashCharge 2.0 ที่ใช้เวลาเพียง 30 นาที สามารถชาร์จได้ถึง 57% พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัยถึง 9 ชั้น ซึ่งถือว่าชาร์จได้ไวและมีความปลอดภัยที่น่าประทับใจมาก ๆ
ทั้งนี้ควรใช้สาย Micro USB และอแดปเตอร์ชาร์จที่ให้มาในกล่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุดครับ